นับถอยหลังอีกเพียง 3 เดือน 23 วัน
ประตูของประชาคมอาเซียนก็จะเปิดขึ้น
และนั่นหมายถึงวันที่ประเทศสมาชิกอาเซียนรวมถึงประเทศไทย
จะต้องบรรลุเป้าหมายการเป็น “ประชาคมอาเซียน” ที่ความร่วมไม้ร่วมมือทั้งในด้านเศรษฐกิจ การศึกษา
และวัฒนธรรมจะหลั่งไหลตามมา
“ทีมการศึกษา”
ได้มีโอกาสติดตามคณะของ ศ.ดร.ชาญณรงค์ พรรุ่งโรจน์
ผู้อำนวยการสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา หรือ สมศ.
ไปร่วมการประชุม เครือข่ายประกันคุณภาพอาเซียน (ASEAN Quality Assurance
Network) หรือ AQAN ณ กรุงมะนิลา
ประเทศฟิลิปปินส์ เพื่อเร่งผลักดัน กรอบการประกันคุณภาพอาเซียน (ASEAN
Quality Assurance Framework) หรือ AQAF
โดยประเทศสมาชิกเครือข่ายประกันคุณภาพอาเซียน
มีมติร่วมกันที่จะเริ่มต้นที่สถาบันอุดมศึกษา โดยยกร่าง
กรอบการประกันคุณภาพการอุดมศึกษาของอาเซียน (ASEAN Quality Assurance Framework in Higher Education)
หรือ AQAF เพื่อเป็นเครื่องมืออ้างอิงในการสร้างมาตรฐานการประกันคุณภาพการศึกษาระดับอุดมศึกษา
ในอาเซียนให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งนอกจาก 10 ประเทศสมาชิกแล้ว
ยังมีอาเซียนบวกสาม ได้แก่ จีน เกาหลี และญี่ปุ่น เข้าร่วมด้วย
ศ.ดร.ชาญณรงค์ กล่าวว่า “ปัจจุบันอาเซียนมีนักศึกษาระดับอุดมศึกษาประมาณ
18-20 ล้านคน มีสถาบันอุดมศึกษากว่า 6,000 แห่ง มีกระบวนการประกันคุณภาพที่แตกต่างกัน
ขึ้นอยู่กับบริบทของแต่ละประเทศ จึงมีข้อตกลงร่วมกันในการกำหนด
กรอบการประกันคุณภาพการอุดมศึกษาของอาเซียน เพื่อให้เกิดระบบการประกันคุณภาพที่มีมาตรฐานเทียบเคียงกัน
อันจะนำไปสู่การเคลื่อนย้ายแลกเปลี่ยนนักศึกษา อาจารย์
การถ่ายโอนหน่วยกิตและการยอมรับคุณวุฒิระหว่างประเทศสมาชิก
ซึ่งจะมีการจัดทำคู่มือเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือน ต.ค.นี้
และเชื่อว่าภายใน 5 ปีน่าจะเห็นผล
อย่างไรก็ตามตั้งใจว่าในปีการศึกษาหน้าจะมีการนำร่องในสถาบันอุดมศึกษา
โดยอาจจะเริ่มในมหาวิทยาลัยท็อปทรีของแต่ละประเทศ”
เมื่อนำ กรอบการประกันคุณภาพการอุดมศึกษาอาเซียน มากาง พบว่ามี 4 หลักการใหญ่ ได้แก่
1.หลักการของหน่วยประเมินคุณภาพภายนอก
ที่ประกอบไปด้วย
ต้องจัดตั้งตามกฎหมายและได้รับการยอมรับและความเชื่อมั่นจากหน่วยงานภาครัฐในประเทศ
มีเป้าหมายและพันธกิจร่วมกัน มีความเป็นอิสระในความรับผิดชอบโดยปลอดอิทธิพลแทรกแซง
มีมาตรฐานและระบบการแต่งตั้งคณะกรรมการที่โปร่งใส ยึดธรรมาภิบาล
ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงและนวัตกรรม ได้รับการสนับสนุนทรัพยากรที่เพียงพอและยั่งยืน
มีความร่วมมือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลักๆ ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ
มีระบบการควบคุม ตรวจสอบ และประเมินผลที่น่าเชื่อถือทุกขั้นตอน
และต้องแจ้งให้สาธารณชนทราบนโยบาย ขั้นตอน เกณฑ์ มาตรฐาน และผลประเมินที่เป็นปัจจุบัน
2.หลักการการประเมินคุณภาพภายนอก
ต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้เรียนและสังคมเป็นสำคัญ
มีมาตรฐานเทียบเท่านานาชาติและเชื่อมโยงการประกันคุณภาพภายในของสถาบันอุดมศึกษา
การพัฒนามาตรฐานต้องเกิดจากการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
ตอบสนองความต้องการและอุปสงค์
เผยแพร่มาตรฐานให้สาธารณชนทราบและใช้ดำเนินการอย่างทั่วถึง
โดยคำนึงถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรม
ต้องประกันว่าผู้ประเมินภายนอกมีความเป็นมืออาชีพและปฏิบัติตามจรรยาบรรณ
ต้องประเมินตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ดำเนินการด้วยความถูกต้อง โปร่งใส
และในห้วงเวลาที่เหมาะสม และมีกลไกการอุทธรณ์ที่ทุกคนเข้าถึง
3.หลักการการประกันคุณภาพภายใน ประกอบด้วย
สถาบันอุดมศึกษาต้องเป็นผู้รับผิดชอบหลักเรื่องคุณภาพ
ส่งเสริมการสร้างความสมดุลระหว่างความอิสระกับการตรวจสอบโดยสาธารณะ
เป็นกระบวนการมีส่วนร่วมและความร่วมมือของบุคลากรทุกระดับรวมทั้งคณาจารย์
นิสิต/นักศึกษา ต้องกำหนดโครงสร้าง วิธีดำเนินงาน และผู้รับผิดชอบที่ชัดเจน
และต้องประกาศให้ทราบ
ต้องจัดสรรทรัพยากรที่เพียงพอสำหรับดำเนินงานระบบการประกันคุณภาพให้มีประสิทธิภาพ
มีกลไกที่เป็นทางการสำหรับอนุมัติ ติดตามตรวจสอบ ปรับปรุงหลักสูตรและปริญญา
ติดตามตรวจสอบและปรับปรุงระบบคุณภาพอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้เกิดการพัฒนาทุกระดับอย่างต่อเนื่อง
4.หลักการกรอบมาตรฐานคุณวุฒิแห่งชาติ
ประกอบด้วย ต้องช่วยเลื่อนคุณวุฒิไปสู่ระดับที่สูงขึ้นจากผลการเรียนรู้และฝึกอบรม
รวมทั้งเทียบโอนประสบการณ์ก่อนเข้าศึกษา สนับสนุนแลกเปลี่ยนนักศึกษาและการเคลื่อนย้ายบุคลากร
ด้วยการยอมรับคุณวุฒิการศึกษารวมทั้งการศึกษาตลอดชีพ
ตั้งอยู่บนหลักการของผลการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนและสมรรถนะ
กำหนดนิยามของระดับการศึกษาโดยอาจตามระบบหน่วยกิตที่เป็นประโยชน์สำหรับการเลื่อนคุณวุฒิ
มีความโปร่งใสและยืดหยุ่น ต้องได้รับการสนับสนุนจากนโยบายที่เกี่ยวข้องภายในประเทศ
และมีระเบียบรองรับการบังคับใช้ ต้องดำเนินการโดยหน่วยงานที่ได้รับมอบอำนาจ
และต้องกำหนดหลักการประกันคุณภาพและมาตรฐานที่ได้รับความเห็นชอบร่วมกัน
“ทีมการศึกษา”
เห็นด้วยกับความมุ่งมั่นตั้งใจของ สมศ.ที่จะนำกรอบการประกันคุณภาพการอุดมศึกษาอาเซียนมาขับเคลื่อนในประเทศไทย
เพราะหากเรามีระบบการประกันคุณภาพที่มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับ
เมื่อถึงเวลาก้าวสู่ประชาคมอาเซียนเต็มตัวผลประโยชน์ก็จะตกอยู่กับเด็กไทยและคนไทย
แต่สิ่งที่เราห่วงคือ สถาบันอุดมศึกษาที่ สมศ.ต้องเข้าไปประเมิน
จะให้การยอมรับและขานรับกับกรอบการประเมินนี้มากน้อยเพียงใด
และนั่นคือโจทย์ข้อใหญ่ที่ สมศ.คงต้องกลับไปคิด
และหาทางพูดคุยทำความเข้าใจกับมหาวิทยาลัยต่างๆ เพราะหากเป็นการพูดเอง เออเอง
เมื่อถึงเวลาจะนำกรอบที่วางไว้มาใช้จริงแต่มหาวิทยาลัยไม่เอาด้วย ก็คงเป็นเรื่องน่าเสียดาย
หากความพยายามที่ทำมาต้องไร้ผลเป็นรูปธรรม!!!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น