วันอาทิตย์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2560

ความแตกต่างระหว่างการฝึกอบรมกับการสัมมนา..... อ่านต่อได้ที่: https://www.gotoknow.org/posts/13523


           การฝึกอบรม   หมายถึง   กระบวนการหรือกิจกรรมใดๆที่จัดขึ้นเพื่อมุ่งส่งเสริมเพิ่มพูนบุคลากรหรือกลุ่มบุคคลใดๆให้มีความรู้   ทักษะ   ทัศนคติที่ดีในการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพ   รวมทั้งเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในการทำงานของบุคลากรในองค์กรของตนตามที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี   แลพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น (สุจิตรา   จันทนา,2539,หน้า 339)  
การฝึกอบรมเป็นการเตรียมและพิจารณาตัวบุคคลให้พร้อมที่จะปฏิบัติงานที่มีความสามารถถึงขีดสูงสุด    เพื่อที่จะได้นำไปพัฒนาองค์กรของตนให้มีการพัฒนา   มีความเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น   องค์กรจะมีความเจริญก้าวหน้ามากน้อยเพียงใดนั้นก็ขึ้นอยู่กับความรู้   ความสามารถของบุคลากรในองค์กรต่างๆเหล่านั้นที่จะสามารถพัฒนาองค์กรของตนเองนั่นเอง
                การสัมมนา   หมายถึง   การที่คณะบุคคลกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเข้าร่วมประชุมกัน   โดยการนำของผู้เชี่ยวชาญ  หรือผู้รู้ในลักษณะที่แต่ละคนหันหน้าเข้ามาปรึกษาหารือกัน  หรือเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องที่จะมุ่งพิจารณากันโดยเฉพาะ   โดยการนำเอาประสบการณ์เดิมมาสร้างเป็นแนวปฏิบัติใหม่จัดได้ว่าเป็นการฝึกอบรมประเภทหนึ่ง   เป็นการเพิ่มพูนความรู้แก่ผู้ร่วมสัมมนา   เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานในหน้าที่ของตนอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น  หรือเพื่อเป็นการเตรียมตัวให้ก้าวหน้าเหมาะสมกับตำแหน่งที่มีความรับผิดชอบ (ทัศนีย์   วิศาลเวชกิจ,2524,หน้า 1)
                การสัมมนาเป็นเทคนิคอย่างหนึ่งของการฝึกอบรม   ทั้งการฝึกอบรมและการสัมมนานี้มีความคล้ายคลึงกันมาก   แต่ก็มีความแตกต่างกันด้วยตรงที่การสัมมนามีลักษณะเหมือนการประชุมประเภทหนึ่ง   จะมีการจัดประชุมกันภายในห้องประชุม   แลกเปลี่ยนความคิดเห็น  และหาข้อสรุป   หรือข้อแก้ไขปัญหา   แต่การฝึกอบรมมีลักษณะเป็นเหมือนการเรียนในห้องเรียน   โดยที่มีอาจารย์เป็นผู้บรรยาย   สอน  และให้คำปรึกษา   แต่ในการฝึกอบรมนั้นเพียงเปลี่ยนผู้บรรยาย   สอน  และให้คำปรึกษา   จากอาจารย์เป็นวิทยากรผู้ให้การอบรมเท่านั้นเอง  
                การสัมมนาจะมีการจัดเตรียมขั้นตอนที่ยุ่งยากกว่าการจัดฝึกอบรม   ทั้งการกำหนดหัวข้อ   เลือกสถานที่   จัดเตรียมสถานที่   วัน   เวลา   หรือแม้กระทั่งการเฟ้นหาตัววิทยากรผู้บรรยายในงานก็ตามจะต้องคัดเลือกบุคคลที่มีความรู้   ความสามารถสูง   สามารถควบคุมการสัมมนาได้จนลุล่วง   เพราะการจัดสัมมนาจะมีความเป็นทางการ   ดูเป็นราชการมากกว่าการจัดฝึกอบรม   ส่วนการจัดฝึกอบรมนั้นก็มีความเป็นทางการแต่ไม่มากเท่าการสัมมนา   ไม่จำเป็นต้องมีพิธีรีตองมากนัก   แต่ก็ยังคงมีความเป็นระบบระเบียบอยู่บ้าง
                บุคคลที่เข้าร่วมการสัมมนาจะเป็นบุคคลที่มีคุณภาพ   ความรู้   ความสามารถ   และมีประสิทธิภาพมากกว่าบุคคลที่เข้าร่วมการฝึกอบรมเพราะบุคคลที่เข้าร่วมการสัมมนาจะต้องเป็นบุคคลที่มีความรู้จากสาขาต่างๆมารวมตัวกัน   ส่วนการฝึกอบรมเป็นการรวมผู้ที่มีความรู้   ความสามารถน้อย   มาฝึกเพื่อให้มีความรู้ความสามารถมากยิ่งขึ้นเพื่อเกิดประสิทธิภาพในการทำงาน
                การสัมมนาส่วนใหญ่จะจัดขึ้นในองค์กรของภาครัฐบาล   พวกข้าราชการ   พนักงานของรัฐ   มีการประชุมร่วมกัน   ส่วนการฝึกอบรมส่วนใหญ่จะจัดขึ้นกันภายในบริษัท   องค์กรการค้าขายที่เน้นการพัฒนาบุคลากรภายในองค์กรเพื่อขยายธุรกิจขององค์กรของตน
ในการสัมมนานั้นผู้ที่เข้าร่วมการสัมมนาจะมีโอกาสเสนอแนะ   แลกเปลี่ยน   ความคิดเห็นของตนเองได้มากกว่าการฝึกอบรมเนื่องจากการสัมมนานั้นเป็นรวบรวมเอาผู้ที่มีความรู้มาประชุมกันเพื่อหาข้อตกลงร่วมกันต่างมีแนวคิดกันไปคนละแบบจึงนำเอาความคิดนั้นมาผสมผสาน   วิเคราะห์หาเหตุผลจนหาข้อสรุปที่แน่นอนได้   ส่วนการฝึกอบรมนั้นผู้ที่เข้าร่วมการฝึกอบรมจะมีส่วนในการเสนอความคิดเห็น   หรือมีข้อแลกเปลี่ยนกันได้น้อยเพราะจะมีวิทยากรที่มีความรู้มากเป็นผู้ดำเนินกาอยู่แล้ว   และการฝึกอบรมเป็นเหมือนการสอนให้พัฒนาความรู้ของบุคลากรในเรื่องที่ไม่รู้ดังนั้นเมื่อบุคลากรไม่มีความรู้มาก่อนก็จะไม่มีโอกาสที่จะนำเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่ฝึกอบรมได้   อาจมีเพียงข้อซักถามเมื่อบุคคลนั้นมีข้อสงสัยในเรื่องที่เข้าฝึกอบรมในขณะที่วิทยากรกำลังฝึกอบรมอยู่  หรือในขณะที่วิทยากรฝึกอบรมเสร็จเรียบร้อยแล้ว   หรือเมื่อวิทยากรฝึกอบรมได้เปิดโอกาสให้ผู้ที่มีความสงสัยได้ซักถามเมื่อมีข้อสงสัย
การฝึกอบรมนั้นบุคลากรที่เข้ารับการฝึกอบรมนั้นเป็นบุคคลที่ยังไม่มีประสบการณ์  ทักษะ  ความรู้   และความชำนาญในเรื่องที่จะเข้ารับการฝึกอบรมมาก่อน   หรืออาจเป็นผู้ที่มีความรู้   ทักษะ   ประสบการณ์  และความชำนาญในเรื่องที่จะเข้ารับการฝึกอบรมมาบ้างแต่ไม่มากหรือไม่ชำนาญนักมาเข้ารับการฝึกอบรมเพื่อให้มีความรู้   มีทักษะ   มีประสบการณ์  และมีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้นกว่าเดิม    เพื่อเพิ่มพูนความรู้   ทักษะจากที่ไม่เคยมีมาก่อนให้มีความรู้  และทักษะความชำนาญในการทำงานเพิ่มมากขึ้น   และสามารถนำไปปฏิบัติตามหนน้าที่ของตนภายในองค์กรเพื่อพัฒนาองค์กรของตนเองได้อย่างมีคุณภาพ  และมีประสิทธิภาพสูงสุด   โดยที่การฝึกอบรมนั้นจะมีผู้ที่มีความรู้   ประสบการณ์   ทักษะและความชำนาญในเรื่องนั้นเป็นอย่างดีมาเป็นผู้ฝึกอบรม   ส่วนการสัมมนานั้นบุคลากรที่เข้าร่วมสัมมนานั้นเป็นผู้ที่มีประสบการณ์  ความรู้เป็นอย่างดีอยู่แล้วหลายๆบุคคล   หลายสาขา   ที่สนใจในเรื่องๆเดียวกันมารวมตัวกันเพื่อที่จะนำเอาความรู้ของตนเองในเรื่องนั้นๆมาอภิปราย   ปรึกษาหารือ   หาข้อคิดเห็น   และวิธีแก้ปัญหา   แล้วนำประสบการณ์   แต่ก็ยังต้องมีวิทยากรผู้เชี่ยวชาญมาเป็นผู้ช่วยในการดำเนินการสัมมนาด้วยเหมือนกันแต่ไม่ต้องทำหน้าที่หนักเท่ากับการฝึกอบรม
การอภิปรายหาข้อยุติที่ได้นั้นมารวมกันแล้วจึงนำไปหาวิธีการเพื่อให้บรรลุผล   
ในขณะที่การฝึกอบรมนั้นบุคลากรไม่จำเป็นต้องมีความรู้  หรือประสบการณ์ในเรื่องนั้นมาก่อน  หรือมีความรู้ในเรื่องนั้นเพียงน้อยนิดก็ได้  เพราะว่าถ้าบุคลากรในองค์กรมีความรู้   ความสามารถในเรื่องนั้นเป็นอย่างดีแล้วก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีการฝึกอบรมบุคลากรเกิดขึ้นภายในองค์กร   ส่วนการสัมมนานั้นมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้เข้าร่วมการสัมมนานั้นต้องมีความรู้ในเรื่องที่จะนำมาสัมมนานั้นเป็นอย่างดี   เพราะจะนำเอาความคิดเห็นที่เด่นๆมารวบรวม  และสรุป   เพื่อที่การสัมมนานั้นถึงจะบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ได้วางไว้
                การสัมมนาเป็นการรวบรวมผู้ที่มีความรู้และผู้ที่เกี่ยวข้องในทุกๆสาขามารวมตัวกันเพื่อหาข้อสรุป   ข้อยุติ    หาทางแก้ปัญหา   อาจมีการแบ่งกลุ่มเพื่อพิจารณาแก้ไขปัญหา   มีลักษณะเน้นเพื่อการแลกเปลี่ยน  เพิ่มพูนความรู้   เทคนิคใหม่ๆให้กับสมาชิก   แต่การฝึกอบรมจะเหมือนกันตรงที่เป็นการเพิ่มพูนความรู้  และเทคนิคใหม่แก่สมาชิกแต่จะไม่เหมือนกันตรงที่การฝึกอบรมจะไม่มีการแลกเปลี่ยนกันมีแต่วิทยากรจะให้ความรู้แก่สมาชิกเท่านั้น
                วัตถุประสงค์ของการฝึกอบรมจะมุ่งไปที่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้เข้ารับการอบรมเป็นหลักให้มีพฤติกรรมไปในทางที่ดีขึ้น   ส่วนการสัมมนาเป็นเพียงการเข้าร่วมเพื่อหาแนวทางในการตัดสินใจหรือกำหนดนโยบายในการแก้ปัญหาเพียงเท่านั้นไม่ได้มีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้ที่เข้าร่วมการสัมมนาหลังจากการสัมมนาแล้วแต่เพียงอย่างใด    หรือถ้าจะมีผู้ใดที่เกิดกาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหลังจากการสัมมนาก็ไม่เป็นไรเพราะไม่ได้เป็นวัตถุประสงค์หลักของการจัดสัมมนา    แต่ถ้าหลังจากการสัมมนาจะมีการนำเอาผลของการสัมมนานั้นไปดำเนินการอย่างไรต่อไปก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของผู้ที่ต้องการนำผลการสัมมนาไปใช้ดำเนินการต่อไป
                การฝึกอบรมอาจมีทั้งการฝึกอบรมด้วยทฤษฎีหรือบางครั้งการฝึกอบรมก็มีแบบที่เป็นการปฏิบัติด้วยแต่ในด้านของการสัมมนานั้นไม่มีการสัมมนาโดยการปฏิบัติส่วนใหญ่จะเป็นการระดมสมองกันอยู่ภายในห้องประชุมสัมมนาเพื่อหาข้อยุติของการสัมมนามากกว่า
                การสัมมนาไม่ได้เน้นผลลัพธ์ที่ได้ออกมาจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงในด้านการเจริญเติบโต   ขยายการผลิตหรือขยายงานในด้านต่างๆขององค์กรในทันทีหลังจากที่มีการสัมมนาแล้ว   แต่จะมีการนำเอาวิธีแก้ปัญหาที่ได้จากการสัมมนามาใช้พัฒนาองค์กรอีกทีหนึ่งหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าจะมีผู้นำเอามาใช้หรือไม่   แต่การฝึกอบรมเน้นผลลัพธ์ที่ได้ออกมานั้นเพื่อความอยู่รอดขององค์กรเสียมากกว่า   เพราะปัจจุบันมีการแข่งขันกันระหว่างองค์กรกันเป็นอย่างมาก   การฝึกอบรมจะช่วยให้องค์กรมีความแข็งแรง   เจริญเติบโตมีการขยายการผลิต   การขายและการขยายงานด้านต่างๆ (สมคิด   บางโม,2539,หน้า15)   และการฝึกอบรมจะเห็นผลของการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กรแบบทันทีทันใดมากกว่าการสัมมนา
                การสัมมนามีจุดมุ่งหมายเพื่อแก้ปัญหาร่วมกัน (สมพร   มันตะสูตร,2525,หน้า 5)   แต่การฝึกอบรมเป็นการแก้ปัญหาร่วมกันเหมือนกันแต่ต่างกันตรงที่การสัมมนาเป็นการแก้ปัญหาจากคนกลุ่มเดียวกันโดยที่ไม่ต้องถ่ายทอดไปยังคนกลุ่มอื่นอีก  ถ้าจะมีการถ่ายทอดก็ต่อเมื่อได้มีการเลือกนำเอาวิธีการที่ได้จากการสัมมนาไปใช้   แต่การฝึกอบรมเป็นการจัดการบริหารของผู้บริหารขององค์กรเพื่อหาวิธีพัฒนาองค์กรและหาความจำเป็นในการฝึกอบรมบุคลากรจากนั้นจึงจะถ่ายทอดคำสั่งว่าจะให้มีการอบรมหรือไม่
                 ประโยชน์โดยอ้อมอย่างหนึ่งที่จะได้รับจากการฝึกอบรม  คือ  เกิดการความเคลื่อนไหวในหน้าที่การงานภายในองค์กร   สร้างความพร้อมแก่บุคลากร   เพื่อการสับเปลี่ยน   หมุนเวียน   โยกย้าย  และการเข้ารับตำแหน่งใหม่   แต่การสัมมนาประโยชน์ที่จะได้รับจากการสัมมนาไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องการเลื่อนตำแหน่งหน้าที่การงานภายในองค์กรพวกนี้เลย
                ปัญหาที่จะเกิดขึ้นในการจัดสัมมนา  คือ  การเกิดปัญหาการขัดแย้งกันในด้านความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันเพราะการสัมมนาต่างก็รวบรวมผู้ที่มีความรู้กว้างขวางมากมายมารวมอยู่ด้วยกัน   แต่การฝึกอบรมจะเกิดปัญหาเหล่านี้น้อยมากเนื่องจากการฝึกอบรมบุคลากรแทบจะไม่ต้องออกความคิดเห็นใดๆ   อาจจะมีบางแต่ก็น้อยมากที่จะเกิดการขัดแย้งกันเกิดขึ้นภายในกลุ่ม    ดังนั้นการฝึกอบรมจึงไม่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนี้
                การฝึกอบรมเป็นการรวมตัวของผู้ที่มีความรู้   ประสบการณ์   ความสามารถน้อยมาฝึกอบรมกัน   แต่การสัมมนาเป็นการรวมของกลุ่มบุคคลซึ่งมีความรู้   ความสามารถมากมาสัมมนากัน   จะแตกต่างกันตรงที่ความรู้   ความสามารถ   ของผู้ที่ร่วมทั้งฝึกอบรม   และสัมมนา
                ผู้ที่เข้าร่วมการฝึกอบรมนั้นมีความจำเป็นต้องเข้ารับการฝึกอบรมในแกแนวบังคับ   โดยที่องค์กรนั้นจะจัดบังคับให้บุคลากรคนใดเข้ารับการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพของบุคลากรให้เพิ่มมากขึ้น   มีประสิทธิภาพมากขึ้น   เพื่อที่จะได้ปฏิบัติงานในหน้าที่ที่ตนเองรับผิดชอบได้ดีที่สุด   ส่วนผู้ที่เข้ารับการสัมมนานั้นไม่ได้มีการบังคับแต่เป็นการสมัครใจของผู้เข้าร่วมสัมมนานั้นเอง   ทั้งหมดนั้นขึ้นอยู่กับความสนใจของผู้ที่ต้องการเข้าร่วมการสัมมนา   ว่าในการสัมมนาครั้งนั้นเป็นเรื่องที่ตนสนใจ   และอยากเข้าร่วมสัมมนาด้วยหรือไม่
                ผู้ที่เข้าร่วมสัมมนาส่วนใหญ่จะเป็นบุคคลในระดับผู้บริหารขององค์กร   แต่ในการฝึกอบรมส่วนใหญ่แล้วผู้ที่เข้ารับการฝึกอบรมจะเป็นบุคลากรที่ทำหน้าที่ต่างๆภายในองค์นั้นๆ  หรือพนักงานบริษัทนั่นเอง                แต่ถึงอย่างไรก็ตามทั้งการฝึกอบรม   และการสัมมนานั้นต่างก็จัดขึ้นเพื่ออบรม   ฝึกฝน   แนะนำ   เสนอสาระที่น่ารู้   ทันสมัย   และเหมาะสมกับสถานการณ์  เพี่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นภายในองค์กร   เพื่อที่องค์กรนั้นจะได้มีบุคลากรที่มีคุณภาพ   และมีศักยภาพ   มีการทำงานที่มีประสิทธิภาพ   บุคลากรทุกคนในองค์กรเป็นผู้ที่มีประสิทธิภาพในการทำงาน   เป็นการส่งเสริมความก้าวหน้าในหน้าที่การงานของตนเองในทางอ้อม    และพัฒนาองค์กรของตนให้มีเจริญก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นไป
..... อ่านต่อได้ที่: https://www.gotoknow.org/posts/13523

ที่มา https://www.gotoknow.org/posts/13523

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น