วันอาทิตย์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

Mind Map กับการศึกษา และการจัดการความรู้

     ความเป็นมาของ  Mind Map®  ได้บัญญัติขึ้นมาเมื่อ  พ.ศ. 2517   โดย คุณโทนี  บูซาน  ซึ่ง Mind Map®  นี้เป็น Graphic Organizers รูปแบบหนึ่งที่ทำงานตามธรรมชาติความคิดของเรา  เป็นเทคนิคเชิงกราฟฟิคที่ทรงพลังเสมือนกุญแจสารพัดประโยชน์ที่จะเปิดสมองให้ ทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพ  เพราะเป็นการใช้ความสามารถของสมองทั้ง 2 ซีก คือ ซ้ายและขวาให้มีกระบวนการคิดที่เชื่อมโยงกัน โดยลักษณะสำคัญของ Mind Map® มี 4 ประการ  คือ

1.หัวเรื่องที่เป็นข้อใหญ่ใจความได้รับการกลั่นกรองจนตกผลึกเป็นภาพ  “แก่นแกน” ตรงกลาง
2.ประเด็นสำคัญกระจายเป็นรัศมีออกมาเป็น  “ก้าน” หรือ กิ่งแก้ว  แตกแขนงออกจาก  “แก่นแกน”
3.กิ่งที่แตกแขนงออกมาแต่ละกิ่งรองรับ  คำไข/ภาพ โดยมีเส้นเชื่อมเป็นรายละเอียดออกมารอบๆ
4.กิ่งก้านต่างๆต้องเชื่อมต่อยึดโยงกันดุจกิ่งไม้หรือรากไม้

 Mind Map® เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเครื่องมือในการบันทึกข้อมูลและความคิดเป็นภาพ  ซึ่งเครื่องมือนำเสนอด้วยภาพ  แบ่งออกเป็น 5 ประเภท  ได้แก่
-     ดาว / ใยแมงมุม / เครือข่าย
เหมาะสำหรับการอธิบาย  คำจำกัดความ  คุณสมบัติ  คุณลักษณะ
 -     แผนภูมิ / ตาราง / แถวอันดับ
        เหมาะสำหรับแสดงคุณสมบัติ  คุณลักษณะเปรียบเทียบ  การประเมิน
 -     ต้นไม้ / แผนที่
        เหมาะสำหรับการ  จำแนก ตารางชาติตระกูล  สายพันธ์
 -     ลูกโซ่
        เหมาะสำหรับกระบวนการเหตุและผล  ที่มาที่ไป  ลำดับเหตุการณ์ในอดีต
-     ภาพร่าง
        เหมาะสำหรับโครงสร้างทางกายภาพ  ทำเลที่ตั้ง  สถานที่  รูปลักษณ์
 เครื่องมือนำเสนอด้วยภาพที่น่าสนใจ  ซึ่งแบ่งออกได้เป็น  7 ประเภท  ตามการนำเสนอข้อมูล
 -     แผนภาพใยแมงมุม   Spider Map  เริ่มจากตรงกลางแผนที่ด้วยประเด็นสำคัญของเรื่องหรือปัจจัยร่วมแล้วแตกรัศมีออกไปรอบๆ
 -     แผนภูมิ  ตามลำดับชั้น   Hierarchy Map นำเสนอข้อมูลที่มีลำดับความสำคัญหรือลำดับชั้นสูงต่ำ
 -     Flow Chart  นำเสนอข้อมูลในรูปแบบที่ต่อเนื่องเป็นเส้นตรง  หรือกระบวนการ
 -     System  Map  นำเสนอข้อมูลที่เหมือน  Flow Chart   แต่เพิ่ม Input  และ Outputs
 -     picture / Landscape Map   นำเสนอข้อมูลที่เป็นภูมิทัศน์  ทัศนียภาพ หรือ ภาพ
 -     Multidimentional / 3-D Concept  Map  นำเสนอข้อมูลที่ซับซ้อนมากๆ
 -     Mandala / Mandala  Concept  Map นำเสนอข้อมูลที่เป็นรูปทรงเรขาคณิต

ข้อเหมือนกันของ  Mind Map®  กับ  Concept Map
-   ใช้คำสั้นๆและเส้นในการจดบันทึกความคิดหรือข้อมูลแต่ละคำก็แตกออกไปได้รอบทิศทาง
ข้อแตกต่าง  Mind Map®  กับ  Concept Map
-   จุดเริ่มต้น / ใจกลาง  Concept  Map อาจมีข้อมูลความคิดรวบยอดหรือกระบวนทัศน์ มากกว่าหนึ่งประเด็นได้  แต่  Mind Map®  มีแก่นแกนได้ประการเดียวเท่านั้น 
-   สี Concept Map นั้นไม่สนใจ แต่ Mind Map® จะถือว่าเป็นเครื่องมือที่สำคัญมาก 
-  Concept  Map  ล้อมวงตีกรอบแต่ Mind Map®   ไม่ให้ล้อมกรอบ  
-  Concept Map  มักใช้เส้นตรง   แต่ Mind Map®   เส้นจะเน้นที่โค้งกับความยาวของภาพ 
-  Mind Map®  เน้นการใช้คำมูล

แผนที่ความคิดมีความสำคัญต่อนักเรียน นักศึกษาเพราะมันเปิดโอกาสและช่วยส่งเสริมให้
- วิเคราะห์และโยงเชื่อม
- เป็นนักคิดที่มีคุณภาพ
- เรียนรู้อย่างมีความหมาย
- คิดอย่างยืดหยุ่นได้
- สื่อสารผู้อื่นได้อย่างชัดเจนและดีขึ้น
- รับผิดชอบและเป็นฝ่ายรุกต่อการเรียนรู้
- ตีความและตีกรอบองค์ความรู้ได้
- แสวงหาความหมาย  ไล่ล่าหาโครงสร้างของโลกรอบตัว
- ขยายความ  มองออกไปนอกห้องเรียน  นอกสถาบันการศึกษา
- จัดการกับปัญหาได้อย่างเป็นระบบแต่ยืดหยุ่น
- เข้าใจและมีทัศนะที่เป็นบวกต่อข้อมูลและข้อโต้แย้ง
- ตัดสินใจอย่างผู้ที่มองรอบด้าน
- เห็นความคิดของตนเอง และพร้อมที่จะแสดงความคิดเห็น
- เป็นการเรียนรู้แบบผู้เรียนเป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริง

วิธีการนำเข้าสู่การเรียนรู้ทักษะการเรียน  Mind Map® 
ก็คือพยายามเชื่อมโยงความคิดรวบยอดหรือกระบวนทัศน์ของการเรียน  Mind Map® 
กับประสบการณ์ตรงในเรื่องแผนที่ของผู้เรียนเอง  จากนั้นเริ่มนำเข้าสู่ประเด็นต่างๆดังต่อไปนี้

- การคัดเลือกข้อมูล
- คำกุญแจ/ประเด็นหลัก/สัญลักษณ์
- การจัดระบบเชิงภาพ
- ประโยชน์ใช้สอยของแผนที่
- ลงมือเขียนแผนที่


ขั้นตอนในการเขียน  Mind Map®   7  ขั้นตอน
1.วางกระดาษเปล่าตามแนวนอน  เริ่มจากกลางหน้ากระดาษ  เพราะมันจะช่วยให้มีอิสระในการคิดแผ่ขยายได้ตามธรรมชาติ
2.ใช้รูปภาพ  หรือสัญลักษณ์แทนประเด็นหลัก  ที่ศูนย์กลางซึ่งเรียกว่า  “แก่นแกน”
3.ใช้สีสันให้ทั่วทั้งแผ่น
4.เชื่องโยง  “กิ่งแก้ว”  เข้ากับ “แก่นแกน”  ที่อยู่ตรงกลาง  และเชื่อม  “กิ่งแก้ว” ออกไปเป็นขั้นที่ 2 และ 3
5.วาดกิ่งที่มีสัญลักษณ์เป็นเส้นโค้ง
6.ใช้คำมูล  เพียงคำเดียวบนแต่ละกิ่ง
7.ใช้รูปภาพ  ประกอบให้ทั่วทั้งแผ่น  Mind Map®   เพราะภาพแทนคำได้เท่ากับคำพันคำ

ข้อแนะนำในการทำ  Mind Map® 
1. แก่นแกน  ควรมีขนาดพอเหมาะไม่ใหญ่  หรือ  เล็กเกินไป
2. ห้ามล้อมแก่นแกน
3.เส้นของกิ่งแก้วต้องโยงเชื่อมต่อกับแก่นแกนเสมอ
4.คำยิ่งสั้นยิ่งดี ควรเป็นคำมูล
5.เส้นต้องมีความยาวสัมพันธ์กับคำหรือภาพ
6.กิ่งก้อยที่แตกแขนงออกมากิ่งแก้วควรมีสีเดียวกันทั้งแขนง
7.ต้องแตกกิ่ง  ณ จุดสุดท้ายของเส้นเสมอ
8.อย่าเขียนกลับหัวตัวอักษร/อย่าหมุนกระดาษ
9.ไม่ควรใช้วลีหรือประโยค
10.เส้นต้องเชื่องโยงกัน อย่าเขียนเส้นให้ขาดหรือแหว่ง
11.ห้ามล้อมวงกลมที่คำหรือภาพ
12.ห้ามเขียนคำ/ภาพปิดท้ายเส้น
13.ห้ามเขียนคำ/ภาพทั้งบนและใต้กิ่งเดียวกัน

การนำ  Mind Map® มาใช้ในการเรียนการสอน 
Mind Map® ช่วยให้การเรียนการสอนง่ายและสนุกสนานได้หลายวิธี เช่น
1.ใช้เตรียมการสอน  เพราะจะทำให้สามารถสอนแบบธรรมชาติและเป็นระบบ
2.วางแผนรายปี  ช่วยให้ครูเห็นแผนการสอนตอลดทั้งปีการศึกษา
3.วางแผนรายภาคเรียน  ช่วยให้ครูรู้ว่าภาคนี้จะสอนอะไรบ้าง
4.วางแผนรายวัน  ลงรายละเอียดทบทวนบทเรียนเดิมที่จะสอนนักเรียน
5.การสอน  เป็นการใช้ขณะสอนนักเรียนในชั้นเรียน
6.การสอบของนักเรียน  เป็นการวัดความรู้  ความสามารถ  ความเข้าใจของนักเรียนได้ดี
7.โครงการ/โครงงาน  ใช้ทำกิจกรรม  หรือ นิทรรศการ  หรือ วางแผนงาน
ข้อดีของการใช้ Mind Map® ช่วยสอน
- ช่วยให้นักเรียนสนใจเรียน
- รู้สึกว่าการเรียนเป็นเรื่องธรรมชาติ  สร้างสรรค์สนุกสนาน
- ไม่ซ้ำซาก  ยืดหยุ่น  ปรับเปลี่ยนได้ง่าย
- นักเรียนรับรู้และเรียนรู้ได้ดีขึ้น
- นักเรียนเข้าใจได้ลึกซึ้งกว่าเดิม
- กระดาษลดลง
- ลดปัญหาการนำเสนอความคิดที่ยาก

ผล การวิจัยแสดงให้เห็นศักยภาพการใช้แผนที่ความคิดและวาดภาพประกอบการ สัมภาษณ์      ช่วยให้การบันทึกข้อมูลมีประสิทธิภาพ  เกิดการสื่อสารได้สองทาง
Mind Map®  กับการจัดการความรู้  และ ประสบการณ์การนำ Mind Map®   มาใช้ในชุมชน  Mind Map® สามารถเป็นเครื่องมือในการระดมสมอง  ระดมความคิดของชาวบ้านได้มีการพัฒนาความคิดและเป็นเครื่องมือที่นำมาพัฒนา ความคิดเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติและทำให้เกิดความรู้มากมายมหาศาล

Mind Map®  กับการพัฒนาทรัพยากรบุคคลมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์  พ.ศ.2548
โดยมหาวิทยาลัย ได้นำเอา Mind Map®  และโปรแกรม MindManager มาใช้ในการประเมินผลการปฏิบัติงานของโครงการพัฒนาทรัพยากรบุคคล  โดยที่ทุกหน่วยงานของมหาวิทยาลัยเป็นผู้ดำเนินการโดยวิธีการสมัครใจ  จนประสบผลสำเร็จในการปฏิบัติโครงการ  เช่น  การวางแผนพัฒนาผลการปฏิบัติงาน  การบริหารโครงการ  การพัฒนาบุคลากร  การพัฒนาฝึกอบรม  งานบริหารงานบุคคล  และการติดตามโครงการต่างๆของมหาวิทยาลัย

ที่มา : http://www.km.nida.ac.th/home/index.php?option=com_content&view=article&id=100:mind-map&catid=51:km-around-the-world&Itemid=93 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น