วันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

แนวปฏิบัติที่ดี "การจัดการความรู้และศึกษาดูงานด้านการประกันคุณภาพการศึกษา"

แนวปฏิบัติที่ดี "การจัดการความรู้และศึกษาดูงานด้านการประกันคุณภาพการศึกษา" เพื่อพัฒนาบุคลากร ณ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
ระหว่างวันพฤหัสบดีที่ 14 ถึงวันอาทิตย์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2556 ณ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย
 

บุคลากรสำนักงานประกันคุณภาพการศึกษา ได้เรียนรู้ความสำเร็จและแนวปฏิบัติที่เป็นแบบอย่างที่ดีของการประกันคุณภาพการศึกษาของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ได้ ดังนี้

1. แนวปฏิบัติที่ดีของ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง คือ การดำเนินกิจกรรม 5ส มาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลาประมาณ 8 ปีแล้ว โดยมีนโยบายและส่งเสริมสนับสนุนให้ทุกภาคส่วน นำกิจกรรม 5ส มาปฏิบัติงานจริง และยังมีการเรียนรู้แลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างหน่วยงานภายในสถาบัน

2.   มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงให้ความสำคัญและสนับสนุนให้ทุกหน่วยงานในมหาวิทยาลัยนำกิจกรรม 5ส มาใช้ในการปฏิบัติงาน ซึ่งการดำเนินงานนั้นจำเป็นจะต้องอาศัยความร่วมมือจากบุคลากรทุกคน ในการทำให้องค์กรสะอาด เกิดความเป็นระเบียบซึ่งมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง มีการดำเนิงานสม่ำเสมอและต่อเนื่องซึ่งแนวปฏิบัติดังกล่าวสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในองค์กรได้เป็นอย่างดี ถ้าในหน่วยงานมีการบริหารจัดการหน่วยงานให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยโดยเฉพาะงานด้านประกันคุณภาพฯ ที่มีเอกสารจำนวนมาก ก็จะทำให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

3. การเตรียมความพร้อมก่อนที่จะเริ่มประชุมหรือบรรยายในโอกาสต่างๆ, สามารถสร้างมนุษยสัมพันธ์ เพื่อความคุ้นเคยเป็นประโยชน์ต่องานอย่างยิ่ง

4.   มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงเป็นมหาวิทยาลัยขนาดกลางที่เติบโตอย่างรวดเร็วมากในช่วงระยะเวลา10 ปี เพราะเป็นสถาบันที่มีแนวปฏิบัติที่ดีในเรื่องของการบริหารจัดการองค์กรทุกระดับเป็นอย่างดี แนวปฏิบัติที่ดีอย่างหนึ่งของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงคือมีแนวทางในการพฒาสถาบันได้ชัดเจนและเดินหน้าทำตามแนวทางดังกล่าวอย่างจริงจัง ในส่วนของระบบการพัฒนาคุณภาพของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงก็มีการวางระบบที่น่าสนใจโดยผนวกการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (KM) เข้ากับงานทุกด้านที่เกี่ยวข้อง อันได้แก่ ระบบควบคุมภายในและบริหารความเสี่ยง คำรับรองการปฏิบัติงาน (การจำลอง ก.พ.ร.) การประกันคุณภาพ และกิจกรรม 5ส (การประหยัดพลังงาน)

5.  แนวปฏิบัติที่ดีของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงที่เห็นได้ชัด คือ นโยบายในการส่งเสริมและสนับสนุนให้ทุกหน่วยงานภายในมหาวิทยาลัยนำกิจกรรม 5ส มาใช้ในการปฏิบัติงาน รวมถึงแนวปฏิบัติในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกลุ่มหน่วยงานที่มีภารกิจเดียวกันและหน่วยงานอื่น

6.  มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงได้มีแนวปฏิบัติที่ดีในเรื่องของกิจกรรม 5ส ซึ่งจัดทุกปี และยังมีการให้รางวัลแก่หน่วยงานที่ทำอย่างต่อเนื่องซึ่งเป็นการสร้างความเป็นระเบียบเรียบร้อยให้กับสถานที่ทำงาน

7.  ผู้บริหารให้ความสำคัญและมีส่วนร่วมทุกระดับและบุคลากรเสียสละและแบ่งปันแลกเปลี่ยนเรียนรู้

     8.  มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงมีการบริหารจัดการแบบศูนย์กลาง (Centralize Management)

      9.   มีการนำกระบวนการจัดการความรู้เป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการ

      10.  ได้นำตัวชี้วัดตามคำรับรองการปฏิบัติราชการที่ทำไม่สำเร็จมากำหนดเป็นความเสี่ยง

      11.  นำระบบกิจกรรม 5ส มาเป็นส่วนหนึ่งของการมีส่วนร่วมของบุคลากรและมีแนวปฏิบัติที่ดีรวมทั้งการให้รางวัล

     12.   ผู้บริหารและบุคลากรมีการประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกัน ปัญหาอุปสรรค จุดแข็ง จุดอ่อน ด้านการประกันคุณภาพ
     
      13.  มีการให้บริการเชิงรุก เช่น กำหนดขั้นตอนและระยะเวลาการให้บริการให้น้อยที่สุดจัดระบบประกันคุณภาพการให้บริการตามระยะเวลาที่กำหนด เพิ่มช่องทางและรูปแบบของการให้บริการที่หลากหลาย สร้างเครือข่ายระหว่างหน่วยงาน ปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัย เป็นต้น

 

บุคลากรสำนักงานประกันคุณภาพการศึกษา ได้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์การทำงานกับบุคลากรส่วนงานประกันคุณภาพการศึกษาและพัฒนาหลักสูตร มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ด้านการประกันคุณภาพการศึกษา ดังนี้

1.     ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ในส่วนของการกรอกข้อมูลผ่านระบบ CHE QA online ซึ่งปัญหาที่พบในการเข้าระบบจะคล้ายๆกัน และการยืนยันข้อมูลผ่านระบบเมื่อมีปัญหาส่วนใหญ่ มหาวิทยาลัยศิลปากร จะประสานไปยัง มหาวิทยาลัยนเรศวร (ผู้รับผิดชอบดูแลระบบ) แล้วแจ้งต่อไปยัง สกอ. สำหรับ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จะแจ้งปัญหาไปยัง สกอ. ก่อนและให้ สกอ. ประสาน มหาวิทยาลัยนเรศวร

2.     พบว่าปัญหาหลักในการดำเนินการด้านประกันคุณภาพของ 2 สถาบันมีลักษณะเดียวกันคือ

-          การปรับเปลี่ยนนโยบาย/เกณฑ์ประเมินของหน่วยงานต้นสังกัดแบบกระชั้นชิด

-          ความไม่ชัดเจน/ความไม่แน่นอนในการตีความตัวบ่งชี้และเกณฑ์ประเมินคุณภาพ

-          ระบบฐานข้อมูลแลการเชื่อมโยงข้อมูลยังไม่ดีพอ

-          ทัศนคติของบุคลากรในการดำเนินงานด้านประกันคุณภาพการศึกษา มักเป็นแง่ลบ ทั้งนี้การแก้ไขปัญหาต้องดำเนินการไปตามสภาพ และแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเช่นเดียวกัน

3.     เรียนรู้ด้านวัฒนธรรมของแต่ละมหาวิทยาลัย,เรียนรู้แลกเปลี่ยนวิธีพัฒนาของแต่ละมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะระบบประกันคุณภาพการศึกษา

4.     การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์การทำงานระหว่างบุคลากรจากทั้ง 2 สถาบัน โดยการเล่าสู่กันฟังแสดงความคิดเห็นในหัวข้อต่างๆ เช่น แนวทางการทำงาน ปัจจัยสู่ความสำเร็จในคุณภาพงาน การปฏิบัติเพื่อมุ่งสู่ความเป็นเลิศในการทำงาน หรือปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ซึ่งมีทั้งสิ่งที่เหมือนกันและแตกต่างกัน ทำให้เห็นถึงมุมมองใหม่ๆจากสถาบันอื่น และเรียนรู้ที่จะนำไปประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนางานที่สถาบันของตนเอง

5.     ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ในเรื่องปัญหา-อุปสรรค ในงานด้านการประกันคุณภาพการศึกษาและพบว่าแต่ละมหาวิทยาลัยมีประเด็นปัญหา-อุปสรรคที่คล้ายคลึงกัน เช่น เรื่องนโยบายในการควบคุมคุณภาพของหน่วยงานต้นสังกัด (สกอ.) ความชัดเจนของตัวบ่งชี้และเกณฑ์การประเมินฯ เรื่องทัศนคติของบุคคลากร เป็นต้น นอกจากนี้ยังได้แลกเปลี่ยนในเรื่องของปัจจัยสู่ความสำเร็จในการดำเนินงาน ซึ่งต้องเกิดจากทุกระดับ ผู้บริหารต้องมุ่งมั่น ติดตามและปรับปรุงคุณภาพอย่างต่อเนื่อง พนักงาน ต้องมีความเสียสละรับผิดชอบ แลมีการแบ่งปันแลกเปลี่ยนเรียนรู้ โดยเฉพาะในงานด้านประกันฯ ที่จำเป็นจะต้องประสานงานกับทุกฝ่ายในมหาวิทยาลัย

6.     ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ปัญหาและอุปสรรคในการทำงาน ซึ่งพบว่า ส่วนใหญ่ปัญหาและอุปสรรคในการทำงานด้านประกันคุณภาพฯ จะคล้ายๆกันคือขาดระบบฐานข้อมูล เกณฑ์การประเมินที่ไม่ชัดเจน เป็นต้น

7.     – ทราบถึงปัญหาอุปสรรคการดำเนินงานด้านประกันคุณภาพ

-  ปัจจัยที่มีผลต่อคุณภาพการศึกษาและปัจจัยสู่ความสำเร็จที่เกิดจากผู้บริหารและบุคลากร

-  แนวปฏิบัติที่ดีในการบริหารงาน

-  ระบบการประกันคุณภาพของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

-  รูปแบบของการมีส่วนร่วมของผู้บริหารและบุคลากร ระหว่างหน่วยงาน/สำนักวิชา

วันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

รวมความรู้กิจกรรม 5 ส

รวมความรู้กิจกรรม 5 ส โดย www.jorpor.com

   แนวปฏิบัติที่ดี กิจกรรม 5 ส มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

นวัตกรรมการสอนที่มีคุณภาพ (Quality Teaching Innovation)



การแจก Tablets การให้อิสระกับทรงผม และการลดการบ้านในส่วนของนักเรียน เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ประชาชนทั่วไปรับรู้ผ่านสื่อสารมวลชน รวมทั้งการเพิ่มเงินเดือน ค่าตอบแทน และตำแหน่งที่สูงขึ้นของครูและบุคลากรทางการศึกษาขั้นพื้นฐานจนมากกว่า อาจารย์มหาวิทยาลัยและข้าราชการอื่นๆ ในกระทรวงศึกษาธิการ ล้วนเป็นกระบวนการของความพยายามที่จะทำให้เกิดคุณภาพทางการศึกษาที่ดีขึ้น โดยเฉพาะการศึกษาขั้นพื้นฐาน และสามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้เมื่อมีการจัดอันดับคุณภาพทางการศึกษาใน ประชาคมโลก

ปรากฏการณ์ต่างๆ ดังกล่าวที่รับรู้ได้นั้นเป็นเพียงส่วนย่อย (Atomistic) ของกระบวนการองค์รวม (Holistic) เพื่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษา เนื่องจากคุณภาพการศึกษาเป็นเป้าหมายทางอุดมคติที่สูงมาก และต้องใช้กระบวนการบริหารจัดการที่ซับซ้อนเพื่อการดำเนินการให้เกิดคุณภาพ ทางการศึกษา จึงไม่อาจดำเนินการเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งหรือส่วนใดส่วนหนึ่งแล้วจะทำให้ เกิดผลสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นการตัดสินคุณค่าหรือการประเมินกระบวนการหรือส่วนย่อยต่างๆ เพียงส่วนเดียว ทั้งด้านบวกหรือด้านลบ ด้วยการใช้ความรู้ ประสบการณ์ สามัญสำนึก หรือใช้กระบวนการวิจัยก็ตาม จึงไม่อาจแน่ใจได้ว่าจะส่งผลอ้างอิงไปถึงการยกระดับคุณภาพการศึกษาในองค์รวม ได้

นวัตกรรมการสอนที่มีคุณภาพหรือ “Quality Teaching Innovation” เป็นแนวคิดที่เกิดขึ้นจากที่ประชุมโครงการส่งเสริมการวิจัยในอุดมศึกษา หรือ HERP (HERP = Higher Education Research Promotion) ครั้งที่ 1 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-23 มกราคม 2556 ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม (HERP เป็นโครงการภายใต้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ได้จัดสรรทุนวิจัยและทุนการศึกษาระดับปริญญาเอกให้กับมหาวิทยาลัย 70 แห่ง ตั้งแต่ปี พ.ศ.2554) โดยมี ดร.พิศิษฐ์ วรอุไร นายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี เป็นผู้ริเริ่มให้นำนวัตกรรมการสอนที่มีคุณภาพทดลองใช้กับมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต และมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม ที่ท่านเคยเป็นนายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฏดังกล่าว

การเลือก มหาวิทยาลัยราชภัฏทั้งสามแห่งดังกล่าวสำหรับการเริ่มต้นโครงการนวัตกรรมการสอนที่มีคุณภาพเนื่องจากต้องการความร่วมมือจากผู้บริหารของมหาวิทยาลัยในการเริ่มต้น ประกอบกับมหาวิทยาลัยราชภัฏดังกล่าวมีชื่อเสียงและมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน ของการเป็นโรงเรียนฝึกหัดครู และพัฒนามาสู่การเป็นวิทยาลัยครู และเป็นสถาบันอุดมศึกษาระดับมหาวิทยาลัยในปัจจุบันตามลำดับ

มหาวิทยาลัย ราชภัฏจึงมีบุคลากรและองค์ความรู้สำหรับการสอนที่มีคุณภาพอยู่มาก นอกจากนั้นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยราชภัฏยังมีความหลากหลาย มีนักศึกษาที่มีความสามารถทางสติปัญญาสูงจำนวนมากที่สามารถจะเรียนสาขาวิชา ที่เป็นที่นิยม ในมหาวิทยาลัยที่ได้รับความนิยม แต่พวกเขาเหล่านั้นเลือกที่จะเรียนมหาวิทยาลัยราชภัฏเพราะเป็นมหาวิทยาลัยใน ถิ่นฐานของตน นอกจากนั้นยังมีนักศึกษาที่สนใจหลักสูตรของมหาวิทยาลัยราชภัฏและตรงกับความ ต้องการ เนื่องจากมหาวิทยาลัยราชภัฏมีหลักสูตรที่หลากหลาย สามารถตอบสนองความต้องการทั้งระดับท้องถิ่นและระดับชาติได้จำนวนมาก มีความเป็น Comprehensive University มากขึ้น จึงไม่มีความจำเป็นต้องย้ายถิ่นฐานไปศึกษาที่อื่น และประการสำคัญมากคือ มหาวิทยาลัยราชภัฏเป็นสถานศึกษาของรัฐ มีค่าใช้จ่ายในการศึกษาไม่มาก และมีศักดิ์และสิทธิ์แห่งปริญญาเท่าเทียมกับมหาวิทยาลัยอื่นๆ ทุกประการ จึงทำให้มีนักศึกษาของมหาวิทยาลัยราชภัฏที่มีความหลากหลายกว่ามหาวิทยาลัย อื่นๆ

จากเหตุผลหลักด้านบุคลากรและองค์ความรู้ทางด้านคุณภาพทางการส อน กับความหลากหลายของนักศึกษา จึงทำให้มหาวิทยาลัยราชภัฏมีความเหมาะสมที่จะนำนวัตกรรมการสอนที่มีคุณภาพมาทดลองใช้เพื่อพัฒนาเป็นรูปแบบของการเรียนการสอนที่มีคุณภาพสำหรับ มหาวิทยาลัยราชภัฏอื่นๆ และสถาบันอุดมศึกษาต่างๆ ที่ต้องการนำไปพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนต่อไปได้

การสร้างนวัตกรรมการสอนที่มีคุณภาพ

นวัตกรรมการสอนที่มีคุณภาพ นอกจากจะเป็นสิ่งใหม่ตามความหมายของความเป็น นวัตกรรมในลักษณะต่างๆ แล้ว (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://met.fte.kmutnb.ac.th/images/diffusion.pdf ) ยังต้องมีความสอดคล้องกับรูปแบบความสัมพันธ์ของคนในสังคมอีกด้วย นวัตกรรมการสอนที่มีคุณภาพ เป็นนวัตกรรมในรูปแบบของ ความคิดเชิงคุณภาพ” (Quality Thinking) ซึ่งเกิดจากกระบวนการสำคัญ 5 ขั้นตอน ได้แก่

1. ขั้นการสรุปบทเรียน (Lesson Learned) เป็นการรวบรวมองค์ความรู้ทางด้านการสอน จากการจัดกิจกรรมการสอน เทคนิคและวิธีการสอน สื่อการสอน และการวัดและประเมินผลที่ประสบความสำเร็จและสร้างชื่อเสียงให้กับ มหาวิทยาลัยราชภัฏมาโดยตลอด ในขั้นตอนนี้บุคลากรที่เคยสร้างผลงานการสอนที่มีคุณภาพ หรือบุคลากรประจำการที่มากด้วยประสบการณ์ควรได้รับการเชิญมาร่วมกันทำการ สรุปบทเรียน

2. ขั้นการถอดบทเรียน (Lesson Distilled) เป็นการกลั่นกรององค์ความรู้ต่างๆ จากการสรุปบทเรียนและเชื่อมโยงกับบริบททางสังคมที่เปลี่ยนไป ทั้งในรูปแบบของความสัมพันธ์ในสังคม วิถีชีวิตของอาจารย์และนักศึกษา เทคโนโลยีที่เหมาะสม ความพร้อมของฝ่ายสนับสนุน ตลอดจนระดับเศรษฐกิจหรือค่าใช้จ่ายของฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ นักศึกษา อาจารย์ และมหาวิทยาลัยที่จะสามารถรับภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ประเด็นสำคัญในขั้นนี้คือ ค่านิยมคุณภาพ ที่อาจมีความเห็นที่แตกต่าง เช่น ค่านิยมคุณภาพในด้านของความเป็นเลิศ (Excellence) หรือคุณภาพในด้านเพียงเพื่อการสนองได้ตรงตามความต้องการ (Fit to the Needs) ซึ่งต้องหาความพอดี หรือข้อตกลงระหว่างค่านิยมคุณภาพทั้งสองประการนี้ในบริบทของมหาวิทยาลัย ราชภัฏให้ได้

3. ขั้นการเข้ารหัสนวัตกรรมการสอนที่มีคุณภาพ (Quality Teaching Innovation Encoded) เป็นขั้นที่เกิดรูปแบบนวัตกรรมความคิดเชิงคุณภาพทางการสอน อาจเป็นกลุ่มของคำ วาทกรรม หรือเป็นภาษาคำพูดที่สามารถจดจำได้ง่าย อาจมีการสร้างสัญลักษณ์ (Symbol) หรือสัญรูป (Icon) เป็นตัวแทนของนวัตกรรมการสอนที่มีคุณภาพ ซึ่งจะสามารถจดจำนำไปใช้เป็นแนวทางของการจัดการเรียนการสอนที่มีคุณภาพ อาจจะอยู่ในรูปของ Apps สำหรับ Tablets และ Smart Phones ในขั้นตอนนี้ไม่จำเป็นต้องใช้เวลามาก อาจเกิดขึ้นพร้อมๆ กับขั้นของการถอดบทเรียน และเป็นผลของการที่ได้ถอดบทเรียนแล้ว การเข้ารหัสนวัตกรรมจะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าไม่ผ่านขั้นตอนของการสรุปบทเรียนและ ถอดบทเรียนมาก่อน (Apps หมายถึง Application Software เป็นโปรแกรมที่ออกแบบสำหรับการใช้งานตามจุดประสงค์เฉพาะกับอุปกรณ์เฉพาะ อย่าง)

4. ขั้นการถอดรหัสนวัตกรรมการสอนที่มีคุณภาพ (Quality Teaching Innovation Decoded) สำหรับนำไปใช้ในการสอน จะเห็นว่านวัตกรรมการสอนที่มีคุณภาพนั้นไม่ได้เป็นชุดการสอน บทเรียนสำเร็จรูป หรือมอดูลเพื่อนำไปใช้สอน แต่เป็นรูปแบบความคิดทางการสอนที่ต้องนำไปถอดรหัสก่อน อาจารย์มหาวิทยาลัยมีความสามารถทางการสอนอยู่แล้ว มีความเชี่ยวชาญทางด้านเนื้อหา มีความเข้าใจบริบทของการเรียนการสอนในชั้นเรียนของตนอยู่แล้ว การมีรูปแบบนวัตกรรมการสอนเชิงความคิดไปใช้ด้วยการถอดรหัสตามบริบทและความ ถนัดของอาจารย์แต่ละท่าน อาจจะผ่านทาง Apps ต่างๆ จะเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างความมั่นใจ กระตุ้นการปรับเปลี่ยนการเรียนการสอนให้เกิดขึ้น

5. ขั้นการเผยแพร่นวัตกรรมการสอนที่มีคุณภาพ (Quality Teaching Innovation Diffusion) การเผยแพร่ให้เกิดการยอมรับนวัตกรรมการสอนที่มีคุณภาพ มีรูปแบบ วิธีการต่างๆ ทั้งกระบวนการทางบริหารและการสั่งการ ซึ่งผู้บริหารจะมีบทบาทสำคัญในการเผยแพร่ด้วยวิธีการนี้ ทั้งในส่วนของการ สนับสนุนปัจจัยพื้นฐานของการใช้นวัตกรรม และรวมทั้งการกำหนดมาตรการต่างๆ ทางการบริหารจัดการเพื่อการส่งเสริมการใช้นวัตกรรม การได้รับความร่วมมือจากผู้บริหารจึงมีความจำเป็นอย่างมาก นอกจากนั้นยังมีกระบวนการทางสังคม และกระบวนการเผยแพร่ที่ใช้วิธีการเชิงวิทยาศาสตร์เพื่อการเผยแพร่นวัตกรรม (ศึกษาเพิ่มเติมได้จาก http://met.fte.kmutnb.ac.th/images/diffusion.pdf )

การ ถอดรหัสนวัตกรรมการสอนที่มีคุณภาพ (Quality Teaching Innovation Decoded) เป็นภารกิจที่ขึ้นอยู่กับสมรรถนะทางการสอน และความรับผิดชอบของอาจารย์ผู้สอน ซึ่งจะสอดคล้องกับความเป็นจริง เพราะการจะเผยแพร่นวัตกรรมการสอนที่มีคุณภาพให้กับอาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏ นั้นต้องยอมรับความเป็นจริงว่าอาจารย์มหาวิทยาลัยเชื่อมั่นในการสอนของตนเอง มาก การหยิบยื่นนวัตกรรมการสอนสำเร็จรูปให้นอกจากจะไม่เหมาะสมแล้วยังไม่สอด คล้องกับบริบทในบทบาทของการเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยอีกด้วย

การนำเส นอนวัตกรรมในรูปแบบ ความคิดเชิงคุณภาพของการสอน เพื่อให้อาจารย์นำไปถอดรหัสแล้วเลือกกระบวนการเรียนการสอนที่เหมาะสมแก่ตน เองจะเป็นแนวทางที่ประสบความสำเร็จได้อย่างมาก และยังนำไปสู่การวิจัยต่อยอดทางด้านการสอนได้อีกมากเช่นกัน ภารกิจที่สำคัญของมหาวิทยาลัยราชภัฏทั้งสามแห่งที่เข้าร่วมโครงการ "นวัตกรรมการสอนที่มีคุณภาพ" คือ ต้องค้นหา หรือพัฒนานวัตกรรมการสอนที่มีคุณภาพให้เกิดขึ้นให้ได้เสียก่อน ถึงแม้จะเป็นองค์ประกอบย่อย ระดับ Atomistic ขององค์รวมคุณภาพของการศึกษาระดับ Holistic ก็ตาม

การช่วยกันเริ่ม ต้นลงมือทำสิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่าองค์ประกอบย่อย (Atomistic) ให้ดีก่อน แล้วค่อยๆ พัฒนาขยายออกไปให้ใหญ่ขึ้นและกว้างขวางมากขึ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาแบบองค์รวม (Holistic) เป็นความคิดที่อยู่เบื้องหลังของโครงการนี้

โดย รองศาสตราจารย์ ดร.กฤษมันต์ วัฒนาณรงค์
ที่มา : http://www.thairath.co.th/content/edu/324340