วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2558

การศึกษาไทยต้อง Change สถานเดียว

 ตอนนี้คิดว่าคนไทยกำลังรอความหวังกับการปฏิรูปประเทศของผู้รับผิดชอบแต่ ละภาคส่วนอยู่ ซึ่งเรื่องสำคัญหนึ่งก็คงหนีไม่พ้นเรื่องการศึกษาเพราะหากคนขาดคุณภาพแล้ว การปฏิรูปด้านอื่นก็คงเกิดผลได้ยาก ซึ่งปัญหาที่ทำให้คุณภาพการศึกษาชาติตกต่ำนั้นตอนนี้เชื่อว่าทั้ง คสช. รัฐบาล และ สปช. คงได้รับข้อมูลมากจนเกินพอแล้วก็เป็นไปได้ จึงเหลืออยู่ว่าจะหาวิธีการใดมาทำให้การศึกษาเป็นเครื่องมือพัฒนาคนไทยให้มี คุณภาพได้ ซึ่งก็เชื่อว่าจากความล้มเหลวที่ผ่านมาน่าจะทำให้วิธีคิดและวิธีดำเนินการ เปลี่ยนแปลงไปทางที่ดีขึ้นเพราะหากยังคิดแบบเดิมด้วยการคิดแก้ปัญหาเป็นจุด ๆ ไปความสำเร็จคงเกิดขึ้นยากเนื่องจากปัญหามีอยู่มากมายและสั่งสมจนกลายเป็น ดินพอกหางหมูไปแล้วจึงมีทางเดียวที่จะทำได้ คือ Change ใหม่กันทั้งระบบโดยมีเป้าหมายอยู่ที่คุณภาพเด็กสถานเดียว

         ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายคุณภาพผู้เรียน เมื่อจบการศึกษาภาคบังคับแล้วจะต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดี ดำรงชีวิตอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข บนพื้นฐานความพอเพียงและเกิดค่านิยมที่ชาติต้องการ ส่วนการเรียนรู้ระดับสูงขึ้นก็ต้องจัดให้สอดคล้องกับศักยภาพที่แต่ละคนมี อยู่ทั้งสายสามัญและสายอาชีพโดยผู้ปกครองและครูร่วมกันคัดกรองศักยภาพ ตั้งแต่การศึกษาภาคบังคับว่าควรจะไปสายไหน ส่วนภาครัฐจะ ต้องเตรียมพร้อมรองรับกับอาชีพตามสาขาที่เด็กได้รับพัฒนามาไม่ใช่ปล่อยไปตาม ยถากรรมทั้งแย่งกันเข้ามหาวิทยาลัยโดยไม่สนใจว่าตนเองมีศักยภาพด้าน ไหน พอจบแล้วยังต้องมาแย่งหางานกันอีกจึงได้ทั้งงานตรงและไม่ตรงสาขาที่เรียนมา หรือไม่ก็ตกงาน ไปเลย ด้านนโยบาย ควรมีกฎหมายกำกับให้ ทุกรัฐบาลต้องจัดการศึกษาตามรัฐธรรมนูญ แผนการศึกษาของชาติและต้องรับผิดชอบกับผลที่เกิดขึ้นเพื่อให้การพัฒนาเกิด ความต่อเนื่องและยั่งยืนเกิดผลตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ดังนั้น การแต่งตั้งผู้มาบริหารนโยบายการศึกษาทุกระดับจึงต้องได้มืออาชีพ รู้ลึก รู้จริง เพื่อนำนโยบายสู่การปฏิบัติให้เกิดผล ด้านงบประมาณก็ต้องลงสู่ภาคปฏิบัติถึงตัวเด็ก รวมถึงกระทรวงที่มีภารกิจเกี่ยวข้องกับการพัฒนาบุคลากรของชาติต้องร่วมกันทำ งานแบบบูรณาการอย่างจริงจัง ไม่ใช่มาฝากงานของตนเองให้โรงเรียนทำอย่างที่ผ่านมา

         ด้านบริหารจัดการ จะต้องกระจายอำนาจทั้งเงิน คน วิธีการลงสู่ภาคปฏิบัติเพื่อสามารถคิดแก้ปัญหา และพัฒนาการได้ตรงบริบท โดยส่วนกลางทำหน้าที่กำหนดมาตรการ กำกับ ติดตาม ประเมินผล หรือคิดค้นนวัตกรรม งานวิจัยที่จะช่วยพัฒนาคุณภาพการศึกษาทั้งระบบให้ดีขึ้น ระบบการสรรหาครูและผู้บริหารสถานศึกษาควรเปลี่ยนมาให้คณะกรรมการสถานศึกษา ผู้นำชุมชนและผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นผู้ดำเนินการรวมถึงให้อำนาจในการติดตาม กำกับ ประเมินผลให้คุณและโทษได้โดยเฉพาะต้องร่วมรับผิดชอบกับผลคุณภาพเด็กที่เกิด ขึ้นด้วย ส่วนกลางต้องกำหนดมาตรการให้คุณและโทษกับผู้ปฏิบัติทุกระดับกับผลคุณภาพการ ศึกษาที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ครูก้าวหน้าทั้งเงินเดือนและวิทยฐานะแต่คุณภาพเด็กตกต่ำหรือครูสอน เด็กไม่เกิดคุณภาพก็ไม่มีความผิดแถมก้าวหน้าได้ ควรแยกแท่งเงินเดือนออกจากวิทยฐานะเพื่อทำให้ครูสามารถเลื่อนไหลเงินเดือน ได้จนเกษียณอายุราชการหรือเต็มเพดานสูงสุด ส่วนของผู้ปกครองก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบต่อคุณภาพบุตรหลานของตนเองด้วยการ พัฒนาตั้งแต่แรกเกิดเพราะรอ กว่าจะเข้าอนุบาลก็จะสายเกินไปด้วยสมองเด็กจะพัฒนาอย่างรวดเร็วจึงต้องเร่ง ปลูกฝังสิ่งดีงามให้เกิดเป็นจิตสำนึกที่ถาวรให้ได้ นอกจากนั้น รัฐต้องส่งเสริมด้านแหล่งสร้างองค์ความรู้ให้เกิดขึ้นในทุกพื้นที่รวมถึง หน่วยงานภาครัฐ เอกชน ชุมชน และครอบครัว ด้วยโลกปัจจุบันเป็นยุคดิจิตอล เครือข่ายความรู้สามารถติดต่อได้ทั่วถึงและรวดเร็ว การเรียนรู้จึงไม่ได้จำกัดอยู่แค่ห้องเรียนและโรงเรียนอีกต่อไป ส่วนการบริหารโรงเรียนขนาดเล็กควรยึดหลักทั้งโอกาสและคุณภาพจึงควรยุบ โรงเรียนขนาดเล็กในพื้นที่การคมนาคมสะดวกซึ่งจะทำให้คุณภาพผู้เรียนดีขึ้น และเหลือปัจจัยต่าง ๆ มาพัฒนาโรงเรียนขนาดเล็กที่ไม่สามารถยุบได้

         ด้านบุคลากร ซึ่งเป็นหัวใจหลักความสำเร็จของงาน แต่ที่ผ่านมาปัญหาด้านบุคลากรยังมีอยู่มากมาย ทั้งครูไม่พอสอนครบชั้น ไม่พอสอนครบวิชา ครูขาดคุณภาพ ครูมีภาระงานอื่นมาก ปัญหาหนี้สิน การอยู่ห่างไกลภูมิลำเนา เป็นต้น ปัญหาทั้งหลายนี้จะต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนโดยเฉพาะปัญหาครูไม่พอ สอนครบชั้นในระดับประถมและไม่พอกับการสอนวิชาหลักในระดับมัธยม ด้านคุณภาพครูจะต้องพัฒนาครูให้มีความรู้เท่าทันวิทยาการและเทคโนโลยีสมัย ใหม่ มีทักษะในการจัดการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับศักยภาพผู้เรียนและเท่าทันกับยุค ดิจิตอล รวมถึงสามารถเป็นต้นแบบที่ดีมีคุณธรรม และอุดมการณ์ในการทำงาน ส่วนการเตรียมการหามืออาชีพมาจัดการศึกษาในอนาคตนั้นควรมีสถาบันผลิตบุคลากร ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาโดยตรงทั้งระบบไม่ว่าจะเป็นครู ผู้บริหารหรือศึกษานิเทศก์ ด้านหลักสูตรการศึกษา จะต้องมีความยืดหยุ่นหลากหลาย สอดคล้องกับศักยภาพบริบทความแตกต่างของเด็กแต่ละพื้นที่ ซึ่งหลักสูตรที่ใช้อยู่ปัจจุบันไม่ค่อยได้ผลเพราะมีรายละเอียดทั้งสาระและ เวลาเรียนมากเกินไปและต้องเรียนเหมือนกันทั้งประเทศ เมื่อเรียนจบหลักสูตรไม่เกิดทักษะที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตได้อย่างมีความ สุข จะได้บ้างก็เพียงทักษะวิชาการ จึงเหมือนไม่ใช่หลักสูตรการศึกษาภาคบังคับแต่เป็นหลักสูตรเตรียมเด็กเข้า มหาวิทยาลัยมากกว่า ส่วนนี้จึงต้องเปลี่ยนให้มีความยืดหยุ่น หลากหลายสอดคล้องกับศักยภาพของเด็กแต่ละบริบท อาทิ เด็กที่อยู่ตามชายขอบ ภูเขา เกาะแก่งหรือ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ยังอ่านไม่ได้ เขียนไม่ได้ คิดเลขไม่เป็น มีปัญหาสุขนิสัยการดำรงชีวิตและค่านิยมไทย ก็ต้องจัดเป็นหลักสูตรพัฒนาความพร้อมในพื้นฐานการเรียนรู้ให้เข้มแข็งก่อน ส่วนต่อมาถึงจะเป็นหลักสูตรแกนกลางที่จะทำให้เด็กเรียนจบการศึกษาภาคบังคับ เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์มีทักษะการดำเนินชีวิตครบทุกด้าน สุดท้ายให้เป็นหลักสูตรที่แต่ละโรงเรียนที่มีความพร้อมสามารถไปคิดต่อยอดจาก หลักสูตรภาคบังคับไปสู่ความเป็นเลิศตามวิสัยทัศน์หรือธงชัยที่กำหนดไว้ให้ไป สู่ความเป็นเลิศ หากทำได้เช่นนี้ก็จะทำให้เด็กได้รับการพัฒนาเต็มศักยภาพตามที่ทุกคนมีอยู่ ไม่ใช่ต้องเรียนเหมือนกันทั้งเด็กอ่อน ปานกลาง หรือเด็กเก่งแบบเตี้ยอุ้มค่อมอย่างทุกวันนี้

         ด้านการจัดการเรียนรู้ ด้วยมีครูจำนวนไม่น้อยยังสอนตามประสบการณ์เดิมใช้ความรู้เดิม หรือสอนเนื้อหาตามตำรา โดยไม่คำนึงถึงวิทยาการและเทคโนโลยียุคสมัยที่เปลี่ยนไป ที่สำคัญยังมีเจตคติที่ว่าความรู้ของเด็กต้องมาจากครูเท่านั้นทำให้การเรียน รู้ยังยึดตัวครู ยึดห้องเรียนและโรงเรียนเป็นหลัก ส่วนนี้จะต้องพัฒนาครูให้สามารถปรับวิธีเรียนเปลี่ยนวิธีสอนกันทั้งระบบด้วย การให้เด็กเป็นผู้แสดงครูเป็นผู้ออกแบบการเรียนรู้และกำกับการแสดงมากกว่า ซึ่งจะทำให้เด็กคิดเป็น ทำเป็น แก้ปัญหาเป็น ได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรง ได้ลงมือปฏิบัติจริงและเรียนรู้อย่างมีความสุขอย่างแท้จริงเสียที

         นอกจากนั้นยังมีอีกหลายปัจจัยที่น่าจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงกันใหม่ไม่ว่าจะเป็น โครงสร้าง กฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาผู้เรียนและขวัญกำลังใจของผู้ปฏิบัติงาน โดยเฉพาะวิธีคิดในการดำเนินงานที่จะต้องเปลี่ยนจากการมุ่งพัฒนาแต่องค์ ประกอบรอบข้างให้พุ่งเป้าไปที่ตัวเด็กและคุณภาพชีวิตของเด็กอย่างจริงจังและ เต็มเม็ดเต็มหน่วย ความล้มเหลวด้านการศึกษาที่ผ่านมาก็เพราะมัวไปหลงกายภาพรอบข้างจนลืมเด็ก ทำให้ปัจจัยทุกอย่างคุณภาพดีหมดยกเว้นคุณภาพผู้เรียน เรื่องนี้เป็นความจริงหากไม่เชื่อลองไปขอผลการประเมิน สมศ. ดูก็ได้

         กลิ่น สระทองเนียมที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 27 มกราคม 2558
http://www.kroothaiban.com/news-id7300.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น