นวัตกรรมที่เกิดขึ้นในองค์กรส่วนมากเกิดจากระดับของผู้ปฏิบัติ
งานมากกว่า เกิดขึ้นในระดับผู้บริหาร เป็นข้อสังเกตจากการศึกษาประวัติความเป็นมาของนวัตกรรมต่างๆ
ทั้งประเภทนวัตกรรมเชิงเทคโนโลยี (Technological
Innovation) และนวัตกรรมเชิงความคิด (Ideological
Innovation) ยิ่งองค์กรมีระดับชั้นการบริหารงานและการบังคับบัญชามากเท่าไรยิ่งเป็น
อุปสรรคต่อการพัฒนานวัตกรรมมากขึ้นเป็นเงาตามตัว
แนวความคิดนี้ได้ รับการทดลองที่ศูนย์วิจัย PARC (Palo Alto Research Center) อยู่ในบริเวณพื้นที่ของ Stanford University มลรัฐ California เป็นรัฐชายฝั่งตะวันตกติดมหาสมุทรแปซิฟิกของประเทศสหรัฐอเมริกา ศูนย์วิจัยนี้ได้รับการสนับสนุนโดยบริษัท Zerox ที่มีชื่อเสียงด้านเครื่องถ่ายเอกสาร และที่ศูนย์วิจัยแห่งนี้ได้นำระบบการบริหารจัดการที่ระดับการบังคับบัญชา น้อยมาใช้จึงได้พัฒนานวัตกรรมที่กลายมาเป็นเทคโนโลยีในปัจจุบันเช่น PC หรือ Personal Computer, GUI หรือ Graphic User Interface หรือที่เรียกว่า Icon รวมทั้ง Object-Oriented Programming และ Ubiquitous Computing ซึ่งเป็นนวัตกรรมประเภท Technological Innovation เป็นต้น
การร่วม มือแบบล่างสู่บน (Bottom-up) มีความหมายในเชิงของการเป็นรูปแบบของความร่วมมือแบบไม่มีระดับชั้นหรือ Non-Hierarchical Model ซึ่งเกิดขึ้นจากระดับของผู้ปฏิบัติงานก่อนการร่วมมือเกิดขึ้นจากกลุ่มคน เล็กๆ ผู้ที่มีความคิดร่วมกันมีความต้องการสอดคล้องกันแล้วลงมือกระทำ ส่วนมากจะเป็นกิจกรรมที่ระดับผู้บริหารระดับสูงยังไม่ทราบหรือยังไม่ให้ความ สนใจในระยะแรก เช่น ในการพัฒนา Laptop ของบริษัทโตชิบา หรือ การพัฒนา Macintosh Computer ของบริษัท Apple ซึ่งต้องทำการพัฒนาแบบลับๆ ซึ่งเรียกการทำงานแบบนี้ว่า Skunk Works Project รวมทั้งโครงการ Mississippi Summer Project หรือเรียกว่า Freedom Summer ที่เกิดขึ้นในปี ค.ศ.1964 ทำให้เกิดนวัตกรรมเชิงเทคนิควิธีในการเรียกร้องเสรีภาพ ต่อต้าน ประท้วงการกดขี่และการปลุกระดมมวลชนและการจัดการมวลชนเพื่อต่อสู้ ซึ่งเป็นนวัตกรรมประเภท Ideological Innovation และได้รับการเผยแพร่ไปสู่ประเทศต่างๆ ทั่วโลก
แนวความคิดนี้ได้ รับการทดลองที่ศูนย์วิจัย PARC (Palo Alto Research Center) อยู่ในบริเวณพื้นที่ของ Stanford University มลรัฐ California เป็นรัฐชายฝั่งตะวันตกติดมหาสมุทรแปซิฟิกของประเทศสหรัฐอเมริกา ศูนย์วิจัยนี้ได้รับการสนับสนุนโดยบริษัท Zerox ที่มีชื่อเสียงด้านเครื่องถ่ายเอกสาร และที่ศูนย์วิจัยแห่งนี้ได้นำระบบการบริหารจัดการที่ระดับการบังคับบัญชา น้อยมาใช้จึงได้พัฒนานวัตกรรมที่กลายมาเป็นเทคโนโลยีในปัจจุบันเช่น PC หรือ Personal Computer, GUI หรือ Graphic User Interface หรือที่เรียกว่า Icon รวมทั้ง Object-Oriented Programming และ Ubiquitous Computing ซึ่งเป็นนวัตกรรมประเภท Technological Innovation เป็นต้น
การร่วม มือแบบล่างสู่บน (Bottom-up) มีความหมายในเชิงของการเป็นรูปแบบของความร่วมมือแบบไม่มีระดับชั้นหรือ Non-Hierarchical Model ซึ่งเกิดขึ้นจากระดับของผู้ปฏิบัติงานก่อนการร่วมมือเกิดขึ้นจากกลุ่มคน เล็กๆ ผู้ที่มีความคิดร่วมกันมีความต้องการสอดคล้องกันแล้วลงมือกระทำ ส่วนมากจะเป็นกิจกรรมที่ระดับผู้บริหารระดับสูงยังไม่ทราบหรือยังไม่ให้ความ สนใจในระยะแรก เช่น ในการพัฒนา Laptop ของบริษัทโตชิบา หรือ การพัฒนา Macintosh Computer ของบริษัท Apple ซึ่งต้องทำการพัฒนาแบบลับๆ ซึ่งเรียกการทำงานแบบนี้ว่า Skunk Works Project รวมทั้งโครงการ Mississippi Summer Project หรือเรียกว่า Freedom Summer ที่เกิดขึ้นในปี ค.ศ.1964 ทำให้เกิดนวัตกรรมเชิงเทคนิควิธีในการเรียกร้องเสรีภาพ ต่อต้าน ประท้วงการกดขี่และการปลุกระดมมวลชนและการจัดการมวลชนเพื่อต่อสู้ ซึ่งเป็นนวัตกรรมประเภท Ideological Innovation และได้รับการเผยแพร่ไปสู่ประเทศต่างๆ ทั่วโลก
คณะผู้วิพากษ์หลักสูตรมี อาจารย์
วิชริณี สวัสดี เป็นผู้ประสานงาน
จาก แนวคิดของการพัฒนานวัตกรรมดังกล่าวนำมาสู่แนวทางการร่วมมือทางวิชาการ ระหว่างสถาบันการศึกษาขึ้น ถึงแม้จะไม่ถึงขนาดต้องทำงานในแบบลับ ๆ หรือ Skunk Works แต่ความร่วมมือเกิดขึ้นจากระดับคณาจารย์ผู้ปฏิบัติงานและผู้บริหารระดับคณะ วิชา หรือที่เรียกว่ากว่าแบบ Bottom-up Approach ที่ตรงข้ามกับแบบ Top-down Approach ซึ่งความร่วมมือเกิดจากนโยบายและความเห็นชอบของผู้บริหารระดับสูงทำให้เกิด ความร่วมมือในรูปแบบที่เป็นทางการมีระดับชั้นและใช้กลไกการบริหารสั่งการ บังคับบัญชาให้เป็นไปตามนโยบายของผู้บริหาร
ตัวอย่างของความร่วมมือ ทางวิชาการเพื่อพัฒนานวัตกรรมแบบล่างสู่บนหรือ Bottom-up Approach ได้เกิดขึ้นเป็นปีที่ 2 ระหว่างคณาจารย์ ผู้บริหาร และนักศึกษาระดับปริญญาเอกของภาควิชาครุศาสตร์เทคโนโลยี คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ได้ร่วมมือกับคณาจารย์และผู้บริหารของคณะเทคโนโลยีสังคม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตจันทบุรี ซึ่งมีกิจกรรมการพัฒนาหลักสูตร วิพากษ์หลักสูตร และจัดการบรรยายทางวิชาการฝึกอบรมความรู้ทางเทคโนโลยีสมัยใหม่ให้กับ นักศึกษาของคณะเทคโนโลยีสังคมโดยนักศึกษาระดับปริญญาเอกของภาควิชาครุศาสตร์ เทคโนโลยีด้วยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการสอนที่คิดค้นขึ้นและนำไปทดลอง ใช้เป็นตัวอย่างของความร่วมมือทางวิชาการในรูปแบบของ Bottom-up Approach
ผศ.ดร.สุกัลยา ปริญโญกุล
รองคณบดีคณะเทคโนโลยีสังคมกล่าวต้อนรับ
นวัต กรรมทางการสอนรวมทั้งเทคนิควิธีการต่าง
ๆ ที่นักศึกษาระดับปริญญาเอกได้ออกแบบหรือได้คิดขึ้นได้ถูกนำไปใช้กับนักศึกษา ระดับปริญญาตรี
ซึ่งเป็นการสร้างเสริมประสบการณ์ให้กับนักศึกษาระดับปริญญาตรีเป็นอย่างมาก ในขณะเดียวกันการได้ทดลองนำเทคนิควิธีที่นักศึกษาปริญญาเอก
ได้ออกแบบและคิดขึ้นไปทดลองใช้จะทำให้เกิดความมั่นใจในนวัตกรรมการสอน และเทคนิควิธีการที่นำมาใช้ในสถานการณ์จริง
นอกจากนั้นความร่วมมือในการพัฒนาวิชาการด้านอื่นๆ ได้เกิดขึ้นต่อเนื่องจากกิจกรรมเหล่านี้เช่น
การทำวิจัย การผลิตตำราเรียน และผลงานวิชาการ เป็นต้น
ประโยชน์ ที่เกิดขึ้นจากการร่วมมือทางวิชาการแบบ
Bottom-up Approach นอกจากจะสามารถยืนยันผลการศึกษาวิจัยทางด้านการเผยแพร่นวัตกรรมและการเกิด
ขึ้นของนวัตกรรมในองค์กรระดับปฏิบัติการแล้วยังทำให้เกิดประโยชน์กับ กระบวนการจัดการเรียนการสอนดังนี้
1. ได้ใช้ “เสรีภาพทางวิชาการ” นักศึกษาระดับปริญญาเอกหลักสูตร Ph.D.Technical Education Technology ที่เข้าร่วมในกิจกรรมส่วนมากเป็นอาจารย์ในสถาบันอุดมศึกษา เมื่อจบการศึกษาแล้วจะกลับไปทำงานในสถาบันอุดมศึกษาหรือมหาวิทยาลัย นักศึกษาปริญญาเอกเหล่านั้นได้มีโอกาสทำความเข้าใจ ตระหนักและใช้เสรีภาพทางวิชาการที่รัฐธรรมนูญบัญญัติให้คุ้มครองไว้ในมาตรา 50
2. ได้สร้างเครือข่ายทางวิชาการเกิดขึ้นโดยเฉพาะเครือข่ายในลักษณะที่เป็น Interpersonal Networks การได้มีโอกาสทำกิจกรรมร่วมกัน ทำให้เกิดเครือข่ายในหลายระดับซึ่งเป็นช่องทางสำหรับการเผยแพร่นวัตกรรมต่อ ไป
3. ได้มีการเผยแพร่นวัตกรรมทั้งนวัตกรรมที่เป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่และนวัต กรรมการเรียนการสอนที่ได้นำมาใช้ ช่วยลดช่องว่างของโอกาสและความเสมอภาคในการเข้าถึงเทคโนโลยี
1. ได้ใช้ “เสรีภาพทางวิชาการ” นักศึกษาระดับปริญญาเอกหลักสูตร Ph.D.Technical Education Technology ที่เข้าร่วมในกิจกรรมส่วนมากเป็นอาจารย์ในสถาบันอุดมศึกษา เมื่อจบการศึกษาแล้วจะกลับไปทำงานในสถาบันอุดมศึกษาหรือมหาวิทยาลัย นักศึกษาปริญญาเอกเหล่านั้นได้มีโอกาสทำความเข้าใจ ตระหนักและใช้เสรีภาพทางวิชาการที่รัฐธรรมนูญบัญญัติให้คุ้มครองไว้ในมาตรา 50
2. ได้สร้างเครือข่ายทางวิชาการเกิดขึ้นโดยเฉพาะเครือข่ายในลักษณะที่เป็น Interpersonal Networks การได้มีโอกาสทำกิจกรรมร่วมกัน ทำให้เกิดเครือข่ายในหลายระดับซึ่งเป็นช่องทางสำหรับการเผยแพร่นวัตกรรมต่อ ไป
3. ได้มีการเผยแพร่นวัตกรรมทั้งนวัตกรรมที่เป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่และนวัต กรรมการเรียนการสอนที่ได้นำมาใช้ ช่วยลดช่องว่างของโอกาสและความเสมอภาคในการเข้าถึงเทคโนโลยี
ผศ. เอกชัย ปริญโญกุล
คณะบดีคณะเทคโนโลยีสังคม กล่าวถึงความร่วมมือ
จาก ประโยชน์ที่เกิดขึ้นมีความสัมพันธ์ทั้งทางตรงและทางอ้อมกับรูปแบบและวิธีการ
ความร่วมมือแบบ Bottom-up ซึ่งอาจไม่สามารถทำให้เกิดขึ้นได้ด้วยความร่วมมือแบบสั่งการ
หรือแบบ Top-down ที่มีกระบวนการบังคับบัญชาหลายชั้น หรือเป็นรูปแบบที่เป็น
Hierarchical Model
โดย รองศาสตราจารย์ ดร.กฤษมันต์
วัฒนาณรงค์
ที่มา http://www.thairath.co.th/edu
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น