การครุศึกษาเป็นหัวใจสำคัญต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของ
ชาติ โดยมีคณะครุศาสตร์ หรือศึกษาศาสตร์
เป็นกลไกสำคัญที่มีบทบาทในการพัฒนาวิชาชีพครู ทั้งการสร้างครูใหม่
และการร่วมพัฒนาครูประจำการที่มีอยู่
กว่า 5
ปีผ่านมาพบว่าการครุศึกษาของประเทศฟินแลนด์ได้รับความสนใจจากนักการครุศึกษาไทยมาโดยตลอด
สังเกตได้จากสถาบันครุศึกษาไทยหลายแห่งจัดศึกษาดูงานเกี่ยวกับการครุศึกษาที่ประเทศฟินแลนด์
ตลอดจนเข้าร่วมการประชุมนานาชาติเพื่อพัฒนาวิชาชีพครูทั้งในและต่างประเทศ
ที่มีผู้ทรงคุณวุฒิจากประเทศฟินแลนด์มาบรรยายดังนั้นเพื่อให้หน่วยงานครุศึกษาสามารถกำหนดกลยุทธ์ และบทบาทในภาพรวมอย่างมีประสิทธิภาพ ควรมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของนักการครุศึกษา จึงส่งผลให้ คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับศึกษาฟอรั่ม จัดการเสวนาชุมชนแห่งการเรียนรู้นักการครุศึกษา เรื่องบทเรียนจากครุศึกษาฟินแลนด์ : คุณภาพครุศึกษา โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิ และนักการครุศึกษาจากหลายภาคส่วน มาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้
หนึ่งในนั้นคือ "ดร.จุฑารัตน์ วิบูลผล" รองคณบดีคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่กล่าวว่า ตนมีโอกาสเรียนรู้เรื่องการศึกษาของฟินแลนด์จากหลายเวที ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งในหลาย ๆโอกาสจะเป็นการสนับสนุนโดยบริษัท ปิโก (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)
"จากประสบการณ์ผ่านมาทำให้ตระหนักว่าการศึกษาต้องสามารถรักษาดุลยภาพกับทางการเมืองให้ได้ ถึงแม้ประเทศไทยจะมีการเปลี่ยนรัฐมนตรีบ่อยครั้ง แต่นักการศึกษาต้องมีจุดยืนในการทำหน้าที่รักษาคุณภาพการศึกษาให้ดีที่สุด"
"เมื่อ พูดถึงการครุศึกษาของฟินแลนด์แน่นอนว่าคีย์เวิร์ดที่ทำให้เรานึกถึง คือTrust(เชื่อมั่น)และAccountability(ความรับผิดชอบในหน้าที่)ซึ่งเราพบว่า ครูฟินแลนด์มีจิตสำนึก และความรับผิดชอบในหน้าที่สูง โดยที่ไม่ต้องใช้ระบบประเมินมารับประกันคุณภาพ เพราะครูทุกคนมีความเอาใจใส่มุ่งมั่นให้งานที่รับผิดชอบสำเร็จด้วยตัวเอง อันเป็นปัจจัยที่ทำให้ประชาชนของประเทศฟินแลนด์เชื่อมั่นในผู้เป็นครูอย่าง มาก"
"ดร.จุฑารัตน์" อธิบายเพิ่มเติมว่า สิ่งที่ทำให้เกิด Trust และ Accountability ที่สมดุลกันในระบบการศึกษาของฟินแลนด์ คือความร่วมมือ และประสานการทำงานกันจากทุกภาคฝ่าย โดยแบ่งออกเป็น 3 ฝ่ายคือ 1.นักครุศึกษา 2.โรงเรียน 3.ผู้ปกครองและชุมชน
"นักครุศึกษาฟินแลนด์ใช้การวิจัยเป็นแนวทางหลักในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา และจะทำงานสอนกับงานวิจัยควบคู่กันไปตลอดเวลา เพราะการวิจัยสร้างทิศทางที่ชัดเจน ทำให้สามารถตอบโจทย์ของสถาบันการศึกษา และสังคมได้ และจากการที่ได้ไปทำเวิร์กช็อปที่ฟินแลนด์ ทำให้เห็นภาพว่านักศึกษาฝึกสอนตามโรงเรียนต่าง ๆ จะมีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับทางโรงเรียน"
"ต่างกับบ้านเรา ที่โรงเรียนหลายแห่งอาจมองว่าการรับนักศึกษาฝึกสอนสร้างภาระและประเทศไทย มีบทบาทระหว่างนักศึกษาฝึกสอนกับครูพี่เลี้ยงไม่ชัดเจนโดยจะมองว่าครูพี่ เลี้ยงมีหน้าที่เป็นผู้ประเมินนักศึกษาฝึกสอนมากกว่าการเป็นผู้ส่งเสริมความ รู้แต่ที่ฟินแลนด์โรงเรียนเป็นเสมือนองค์กรที่ส่งเสริมการเรียนรู้ให้กับครู ฝึกสอนได้อย่างดี"
"นอกจากนี้ครอบครัวและชุมชนยังมีบทบาทส่งเสริมการ ศึกษาให้มีคุณภาพมากขึ้นโดยแสดงผลสะท้อนที่ได้รับจากการปฏิบัติงานของ โรงเรียนกลับไปทั้งนี้จากการที่ประเทศฟินแลนด์เก็บภาษีคนในประเทศสูงเพื่อ ให้โอกาสคนในประเทศเรียนฟรีตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงอุดมศึกษาจึงส่งผลให้คน ในชุมชนมีความเอาใจใส่ตรวจสอบการศึกษาอย่างจริงจังเพื่อให้แน่ใจว่าเงินภาษี ที่จ่ายไปนั้นจะคุ้มค่าและสามารถช่วยพัฒนาประเทศชาติได้"
ขณะที่ "ดร.ภาวิณี โสธายะเพ็ชร" อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นผู้ที่ไปศึกษาระดับปริญญาเอกด้านครุศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ กล่าวว่า จากการที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศฟินแลนด์มา 5 ปี
จึงพอสรุปปัจจัยซ่อนเร้นที่ทำให้ฟินแลนด์ประสบความสำเร็จด้านการศึกษาจาก 3 ปัจจัยหลัก คือ
หนึ่ง วัฒนธรรม-ชาวฟินแลนด์มีวัฒนธรรมทางความคิด ความเชื่อ (Culture of Trust) ที่เด่นชัดมาก ซึ่งส่งผลตั้งแต่ผู้บริหารระดับสูงถึงระดับล่าง โดยแต่ละหน่วยงานสามารถทำหน้าที่ของตนเองได้ โดยไม่ต้องมีการควบคุมอย่างเข้มงวดจากส่วนงานระดับบน และชาวฟินแลนด์มีวัฒนธรรมการทำงานที่เป็นมืออาชีพ
"โดยใช้การวิจัยเป็นหลัก เพราะชาวฟินแลนด์มีความเชื่อมั่นว่าจะพัฒนาสิ่งใดก็ตามจะต้องขึ้นอยู่กับการวิจัย เพื่อให้รู้สภาพการณ์ในปัจจุบัน และเห็นทิศทางที่จะพัฒนาได้อย่างไร
สอง สังคม-ประเด็นทางสังคมในฟินแลนด์ที่สำคัญ ๆ จะถูกจัดสรร และนำมาบูรณาการเป็นหลักสูตรการเรียนการสอนในทุกระดับชั้นเรียน เพื่อให้มีบทเรียนที่ทันกับเหตุการณ์ กับสังคมในปัจจุบัน
สาม ปัจเจกบุคคล-ทุกคนในสังคมของฟินแลนด์มีความเท่าเทียกัน โดยจะเห็นได้จากทั้งด้านปริมาณ (Quantity) คือให้การศึกษากับคนทุกเชื้อชาติ และทุกศาสนา สามารถเข้ามาเรียนในประเทศเท่าเทียมกันและด้านคุณภาพ (Quality) ที่ให้เสรีภาพในการทำงาน และการแสดงศักยภาพของแต่ละบุคคลอย่างเท่าเทียม"
ส่วน "ดร.สุธรรม วาณิชเสนี" ผู้เชี่ยวชาญแนวคิดเชิงระบบ กล่าวสรุปในตอนท้ายของการประชุมว่า เมื่อเราพูดถึงบทเรียนจากครุศึกษาฟินแลนด์ อยากให้นักครุศึกษาคิดถึงสิ่งที่เราได้เรียนรู้มาและหาวิธีที่จะนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์อย่างเหมาะสมกับสภาพการณ์ของประเทศไทยต่อไป
"แม้ ครุศึกษาจะเป็นรากฐานหลักของระบบการศึกษาและมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาวิชาชีพ ครูแต่ประเทศของเรายังขาดกลยุทธ์ของครุศึกษาในภาพรวมที่ชัดเจนปัจจัยสำคัญ ที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพและประสิทธิภาพของครุศึกษาไทยได้แก่การออกแบบหลัก สูตรครุศึกษา,คุณภาพของผู้เรียนที่ผลิตออกมาเป็นนิสิตครู,เกณฑ์ในการคัด เลือก, คุณภาพของกระบวนการสร้างครูใหม่ และการรับรองคุณภาพโปรแกรมการผลิต รวมถึงการให้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ"
"ฉะนั้นจากการที่มีโอกาสเห็นการเรียนรู้ของคณาจารย์ และนักการครุศึกษาจากสถาบันต่าง ๆ ศึกษาการคุรุศาสตร์ฟินแลนด์ ผมจึงมองว่า หากเรามีการจัดการความรู้ หรือสร้างภาพต่อที่สมบูรณ์ ผ่านการตีความและวิเคราะห์ในมุมมองของนักการครุศึกษาไทย จะมีโอกาสสร้างแนวทางการดำเนินงานการครุศึกษาไทยให้มีประสิทธิภาพต่อไปได้"
ที่มาประชาชาติธุรกิจออนไลน์ http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1408074151
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น