วันอังคารที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2557

          การศึกษาเป็นเรื่องสำคัญสำหรับการพัฒนาในทุกระดับการศึกษา สร้างคนให้มีคุณภาพ เป็นตัวชี้วัดความเจริญของประเทศ ประเทศที่มีปัญหาด้านศึกษา ประเทศนั้นจะเต็มไปด้วยปัญหานานาประการ ไม่ว่าการเมือง เศรษฐกิจและสังคม ความโปร่งใส ความซื่อสัตย์สุจริต ความดีงาม ระบบศีลธรรม ความสามารถในการแข่งขัน ความมีเหตุผล ความคิดสร้างสรรค์ ทักษะในการประกอบอาชีพขั้นสูง สิ่งเหล่านี้ล้วนต้องอาศัยการฝึกฝนที่มาจากระบบการศึกษาที่ดีทั้งสิ้น

           ประเทศไทยเริ่มเห็นเค้าลางของปัญหาระบบการศึกษาอย่างเด่นชัด เมื่อประมาณ พ.ศ.๒๕๔๐ เนื่องจากมีการเปรียบเทียบจากการจัดอันดับระบบการศึกษาของไทยกับนานาชาติ ปรากฏว่าไทยตกต่ำในทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณภาพการศึกษา ทำให้เยาวชนรุ่นใหม่ไม่มีความสามารถในการแข่งขันกับประเทศต่างๆ ไม่รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลก ขาดทักษะในการคิดวิเคราะห์ ลืมรากเหง้าวัฒนธรรมของตนเอง เป็นทาสทางเศรษฐกิจ ติดกับดักบริโภคนิยม เหินห่างจากศีลธรรม ทำให้ต้องเร่งให้มีการปฏิรูปการศึกษาโดยด่วน จากการปฏิรูปการศึกษาในครั้งนั้น ได้ข้อสรุปว่าเด็กไทยต้องมีคุณลักษณะดังต่อไปนี้ คือ "เก่ง ดี มีสุข" แต่วันเวลาผ่านไปสถานการณ์แทนที่จะดีขึ้น กลับเลวร้ายยิ่งขึ้นดังภาพ
           
          การศึกษาของชาติกลับตกต่ำลงมากในหลายมิติ น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง แม้มีการกระจายพื้นที่การศึกษาออกไปในต่างจังหวัดมากขึ้น และมีการจัดสรรงบประมาณจำนวนมากลงไป มีการศึกษาวิจัย และแก้ปัญหานี้อย่างต่อเนื่องก็มิได้ทำให้ปัญหาการศึกษาของชาติดีขึ้น
แก้ไม่ถูกจุด ปัญหาไม่คลี่คลาย

             จากสภาพการณ์ดังกล่าว สภาพปัญหาต่างๆ ได้เพิ่มทวีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยวัดจากผลผลิตที่ตัวเด็กเป็นเกณฑ์ เช่น เด็กประถมศึกษาอ่านหนังสือไม่ออก (ร้อยละ ๑๒) โอกาสในการศึกษาและศึกษาต่อในระดับสูงขึ้นไป (ในเด็ก ๑๐ คน มีโอกาสเข้ามหาวิทยาลัยเพียง ๔ คน) การออกกลางคันระหว่างการเรียน (ร้อยละ .๗๐) ความสามารถในทักษะด้านภาษา การคิดวิเคราะห์ ความมีเหตุผล อัตราการว่างงาน ความสามารถในการแข่งขันในระดับนานาชาติ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้น่าจะบ่งบอกถึงระบบการศึกษาของชาติเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น ครูผู้สอน การเรียนการสอน หลักสูตร การวัดและประเมินผล อุปกรณ์การศึกษา รวมทั้งการบริหารการศึกษาตั้งแต่ระดับกระทรวงลงมาจนถึงโรงเรียนเล็กๆ ความไม่ชัดเจนของนโยบายการศึกษาของชาติ การขาดการวางแผนที่ดีและการนำไปใช้ เพราะสิ่งที่กระทรวงศึกษาเป็นและกระทำอยู่ไม่ได้แก้ปัญหาข้างต้นให้น้อยลง จึงต้องรีบทำการปฏิรูปการศึกษาโดยเร่งด่วน
สมุทัยของระบบการศึกษา ทางแก้เพื่อการปฏิรูปที่แท้จริง สมุทัย (ต้นเหตุ) ของระบบการศึกษาไทย อาจจะมาจากหลายสาเหตุ แต่สาเหตุที่น่าสนใจมี ๓ สาเหตุหลัก คือ

1.ระบบโครงสร้างการศึกษาของชาติ ระบบการศึกษาของชาติเป็นระบบรวมศูนย์ ทุกอย่างสั่งการมาจากส่วนกลาง จึงปิดโอกาสในความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบการศึกษาที่เหมาะสมกับท้องถิ่น เหตุการณ์ และการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว แนวทางการปฏิรูปคือ ให้ท้องถิ่นเข้ามามีบทบาทในการตัดสินใจทั้งในด้านบริหารและจัดการศึกษามากขึ้น จะเปลี่ยนประเทศ โดยกระทรวงเป็นผู้ควบคุมคุณภาพ คอยตรวจสอบ และทำการประเมินให้ชัดเท่านั้น และต้องมีผู้รับผิดชอบโดยตรง ถ้าหากจัดการศึกษาผิดพลาด การคุ้มครองสิทธิของผู้ได้รับผล กระทบจากการจัดการศึกษาต้องมีขึ้นเป็นครั้งแรกของชาติ

2.ระบบการศึกษาที่เน้นเศรษฐกิจ ไม่เน้นคน ระบบการศึกษาที่เน้นการพัฒนาทักษะเชิงพาณิชย์อย่างเดียว ทำให้ไม่มองคนในภาพรวม เน้นแต่อาชีพ เน้นแต่ธุรกิจ การเงิน หลายฝ่ายจึงมุ่งแสวงหาผลประโยชน์จากการศึกษา การเกิดระบบติวเตอร์มากขึ้นมาจากระบบนี้เอง เด็กถูกละเลยในมิติอื่นๆ การเรียนจึงไม่น่าสนใจ ระบบธุรกิจการศึกษากำลังเป็นหายนภัยของชาติ

3.ปฏิรูปการเรียนการสอน ครู หลักสูตร การประเมินต้องปฏิรูปทั้งหมด ครูเป็นต้นน้ำทางการศึกษา แต่ความก้าวหน้าของครูกลับอยู่ที่นโยบายและผู้บริหาร ต่อไปนี้ความก้าวหน้าของครูต้องอยู่ที่สัมฤทธิผลของเด็กเท่านั้น ต้องยึดโยงที่ตัวเด็กเป็นสำคัญ เช่น เด็กอ่านหนังสือไม่ออก ต้องมีผู้รับผิดชอบ ฯลฯ หลักสูตรต้องเน้นที่ชีวิตจริง ประสบการณ์จริง ไม่ใช่เน้นที่ตำรา การประเมินต้องใช้มาตรฐานเดียวกัน อย่าหลากหลาย ไม่ใช้มิติทางเอกสารเท่านั้น แต่ต้องเป็นการประเมินในระดับชาติหรือสากลเท่านั้น เช่น NT, PISA เป็นต้น

การศึกษาไร้ศีลธรรม : การศึกษาหมาหางด้วน
หลวงพ่อพุทธทาส แห่งสวนโมกขพลาราม กล่าวไว้ว่า "การศึกษาที่เน้นแต่อาชีพ แต่ขาดการใส่ใจในความเป็นมนุษย์ที่ถูกต้อง การศึกษาที่ไม่เน้นความถูกต้องดีงามด้วยศีลธรรม การศึกษาแบบนี้เรียกว่า "การศึกษาแบบหมาหางด้วน" เราต้องให้วิชชา ไม่ใช่ให้แต่วิชา วิชชา คือ ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบ ดังนั้น การปฏิรูปการศึกษาต้องให้ทุกวิชามีวิชชา คือมีการปฏิบัติการในด้านศีลธรรมในชีวิตของการเรียนรู้อย่างจริงจัง ไม่ใช่เพียงแค่ในรูปแบบของพิธีกรรมทางศาสนาอย่างเดียว
ในคราวที่ประเทศชาติจะมีการปฏิรูปประเทศครานี้ ขอให้การปฏิรูปการศึกษาเป็นวาระเร่งด่วน และวาระแห่งชาติในการวางรากฐานที่สำคัญของประเทศ ที่ขอให้ทุกฝ่ายร่วมมือร่วมใจกันทำ เราจะได้มีคนดี คนเก่ง มาช่วยกันดูแลอนาคตของประเทศไทย ให้พวกเราไม่ต้องย้อนกลับมาไล่พวกคนชั่วคนโกงอย่างไม่มีวันจบสิ้นกันอีก
รากฐานของตึกคืออิฐ รากฐานชีวิตคือการศึกษา

โดย ดร.มงคล นาฏกระสูตร  มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร
ที่มา http://www.ryt9.com/s/tpd/2043423

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น