การประชุม 7th Annual University Governance and Regulations Forum เน้นร่วมกันทำความเข้าใจระบบกำกับดูแลของรัฐบาลกลาง ที่มหาวิทยาลัยจะต้องดำรงอยู่ให้ได้ และจะต้องดำรงสถานะ self-regulating ไว้อย่างสุดฤทธิ์ เพื่อการทำหน้าที่มหาวิทยาลัยให้แก่สังคม
ผมไปออสเตรเลียคราวนี้วัตถุประสงค์หลักคือไปร่วมการประชุม 7th Annual University Governance and Regulations Forum การเดินทางไปร่วมประชุมจัดโดยสถาบันคลังสมองของชาติ มีผู้ร่วมเดินทางไปร่วมประชุม ๑๒ คน เป็นคนของสถาบันคลังสมอง ๕ คน อีก ๗ คนแบ่งเป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ ๓ คน และเป็นผู้บริหารในมหาวิทยาลัย ๔ คน ผู้อาวุโสที่สุดคือ ศ. นพ. กระแส ชนะวงศ์ อดีต รมต. ๔ กระทรวง และเวลานี้เป็นนายกสภาฯ ๓ แห่ง คือ ม. นราธิวาสฯ, มน., และ สถาบันเทคโนโลยีปัญญาภิวัตน์ รองลงมาคือผม ถัดไปคือคุณหญิงสุพัตรา มาศดิตถ์ กรรมการสภา มวล. และสถาบันกันตนา
เป้าหมายของผมในการเดินทางไปประชุมคราวนี้ก็เพราะ สคช. ชวน และผมก็อยากไปเห็นว่าในต่างประเทศ โดยเฉพาะที่ออสเตรเลีย เขามีวิธีคิดหรือหลักการ และหลักปฏิบัติ เกี่ยวกับการกำกับดูแลมหาวิทยาลัยอย่างไร และเนื่องจากในกำหนดการมีการไปเยี่ยมชมกิจการของมหาวิทยาลัยแคนเบอร์ราด้วย ผมอยากไปเห็นการดำเนินการของมหาวิทยาลัยในออสเตรเลียมาก เพราะไม่เคยไปเยี่ยมมเลย ยกเว้นที่ Adelaide เมื่อกว่า ๑๐ ปีมาแล้ว
สิ่งที่ได้รับมากเกินคาด คือได้ไปเยี่ยมชมมหาวิทยาลัยซิดนีย์ และมหาวิทยาลัยโวลลองกอง ได้รู้จักมหาวิทยาลัยเพื่อการพัฒนาพื้นที่ (regional university) และได้รู้ว่าสถาบันอุดมศึกษาที่เป็นธุรกิจค้ากำไรข้ามชาติ เขาทำงานอย่างไร
สิ่งที่ไม่ได้คือ ไม่ได้ไปเยี่ยมชมกิจการของมหาวิทยาลัยแคนเบอร์รา เพราะทีม ๔ คนเปลี่ยนแผน ไปซิดนีย์แทน ได้แก่ ศ. ดร. ปิยะวัติ บุญ-หลง หัวหน้าทีม ดร. นงเยาว์ เปรมกมลเนตร รองหัวหน้าทีม รศ. ดร. กนต์ธร ชำนิประศาสน์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ และผม ทำให้ได้เยี่ยมชมมหาวิทยาลัยซิดนีย์ และโวลลองกอง ดังกล่าวแล้ว
สิ่งที่ได้มากเกินคาดอีกอย่างหนึ่งคือ ได้เรียนรู้วิธีการจัดการของมหาวิทยาลัยเอง ที่รวมตัวกันทำงานสร้างสรรค์เชิงระบบให้แก่บ้านเมือง และในขณะเดียวกัน ก็เป็นการสร้างความเข้มแข็งและความน่าเชื่อถือของมหาวิทยาลัยในสายตาของสาธารณชนด้วย คือ Engagement Australia วิธีการแบบนี้สถาบันอุดมศึกษาไทยยังไม่ได้ทำ
สิ่งที่ได้เรียนรู้เต็มตามที่หวัง คือวิธีการกำกับดูแลอุดมศึกษาของรัฐบาลกลางออสเตรเลีย ผ่านการออกกฎหมาย TEQSA เพื่อควบคุมคุณภาพ ผมเดาว่าเป้าหมายหลักคือสถาบันกลุ่มที่ไม่ใช่มหาวิทยาลัย มีจำนวนมากกว่า ๑๕๐ แห่ง และเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ หรือผมเดาว่า เป็นการรับมือกับธุรกิจอุดมศึกษาค้ากำไรข้ามชาตินั่นเอง ส่วนนี้เข้าใจว่าทางการไทยเรายังไม่ตระหนักในความท้าทายใหม่นี้
การประชุมไม่ลงไปเรื่อง การกำกับดูแลส่วนของสภามหาวิทยาลัย คนที่มาประชุมดูจะเป็นผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ ไม่ใช่กรรมการสภามหาวิทยาลัย บรรยากาศของการประชุมจึงต่างจากการประชุม AGB ที่ผมเคยไป ดังเล่าไว้ ที่นี่ การประชุมของ AGB เน้นเพื่อให้ความรู้แก่กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนที่ไม่คุ้นเคยกับการดำเนินการภายในมหาวิทยาลัย ส่วนการประชุม 7th Annual University Governance and Regulations Forum เน้นร่วมกันทำความเข้าใจระบบกำกับดูแลของรัฐบาลกลาง ที่มหาวิทยาลัยจะต้องดำรงอยู่ให้ได้ และจะต้องดำรงสถานะ self-regulating ไว้อย่างสุดฤทธิ์ เพื่อการทำหน้าที่มหาวิทยาลัยให้แก่สังคม
จากการประชุมและการดูงาน ผมอ่านระหว่างบรรทัด นำมาตีความ บันทึกออก ลปรร. ใน บล็อก ได้ถึง ๑๒ บันทึก ถือเป็นการเก็บเกี่ยวความรู้เอามาทำหน้าที่ส่งเสริมพัฒนาการอุดมศึกษาของชาติ เป็นการทำหน้าที่แบบไม่มีหน้าที่อย่างเป็นทางการ
วิจารณ์ พานิช
๑๑ ก.ย. ๕๕
ที่มา : http://www.gotoknow.org/blogs/posts/508416
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น